พ่อแม่แมวมือใหม่ รับน้องแมวเข้าบ้านต้องเตรียมตัวยังไงดี

6 ธันวาคม 2010 เวลา 23:42 น.

 อันนี้เขียนจากประสบการณ์ตัวเอง (ขี้เกียจใส่รูปประกอบ เพราะติดโลโก้ต่าง ๆ )

ลงไว้ในพันทิป กระทู้นี้http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2010/10/J9800588/J9800588.html

ความเห็นที่ 11

 

พ่อแม่แมวมือใหม่ รับน้องแมวเข้าบ้านต้องเตรียมตัวยังไงดี

 

สิ่งที่ต้องเตรียมต้อนรับแมวใหม่เข้าบ้าน

1. ตะกร้าใส่แมว 

ถ้าหาใบใหญ่ๆได้จะดีมาก เพราะน้องแมวยังไงก็ต้องโต (แมวนะไม่ใช่ตุ๊กตา) เพื่อเวลาที่เราพาแมวเดินทางไปหาหมอ จะได้ไม่ลำบาก อย่าได้คิดว่า อุ้ยแมวตัวนิดเดียวอุ้มเอาก็ได้ เพราะแมวเป็นอะไรที่ตื่นตกใจง่าย แถมปราดเปรียวว่องไว ถ้าเราอุ้มเค้า ออกนอกบ้าน ซึ่งหากน้องแมวตื่นที่ เค้าจะจิกเล็บแน่น ๆ บนไหล่เรา T^T แล้วถ้าตกใจมาก ๆ พวกกระโดดผลุงจากเราไป ต่อให้ไวแค่ไหนก็คว้าไม่ทันหรอกค่ะ ดังนั้น ใส่ตะกร้าเอาผ้าคลุมเวิร์คสุดๆ      แนะนำ ควรเป็นตะกร้าแบบมีหูหิ้ว ฝาเปิดด้านเดียวขนาดใหญ่หน่อย  เพราะถือง่าย เอาเชือกมัดซ้ำก็แน่นหนา กันแมวแหกตะกร้าเวลาตกใจได้ ที่สำคัญราคาไม่แพงด้วย มีให้เลือกหาซื้อง่าย หลายไซส์ หลายราคา ถ้าริจะเลี้ยงแมวให้เป็นหมู ควรเลือกใหญ่สุด  แต่ถ้ามีเงินหน่อยซื้อ box สำหรับใส่แมวจะดีมาก เพราะปิดมิดชิดและแข็งแรง ข้อเสียคือ ราคาเจ็บกระเป๋าตังค์โฮก      ส่วนแบบที่ไม่ค่อยอยากแนะนำเท่าไหร่เป็นตระกร้าไซ้สเล็กส่วนใหญ่มักใส่พวกกระต่าย สำหรับแมวเด็กนะได้อยู่ แต่ถ้าแมวโต รับรองได้ว่า ไมเคิล สกอร์ฟิลด์ มีเพื่อนร่วมแหกคุกแน่ๆ อย่าประมาทเจ้าวายร้ายตาใสเชียวนะ

2. ห้องน้ำแมว และทรายแมว

แมวเป็นสัตว์รักสะอาด ถ้าเราหาที่ให้เค้าอึฉี่เป็นที่เป็นทางได้ มันก็หมดปัญหาแมวฉี่ไม่เป็นที่ (ยกเว้นน้องแมวตัวผู้ฮีทแล้วสเปรย์ ประกาศอาณาเขต อันนี้ช่วยไม่ได้เน้อ)  ห้องน้ำแมวมีหลากหลายแบบ ทรายแมวก็มีหลากหลายเช่นกัน ขอยกตัวอย่างตามประเภทวัสดุดังนี้

     2.1 ทรายอนามัยสำหรับแมว พวกนี้เป็นกลุ่มโดนน้ำแล้วจับตัวเป็นก้อนทรายอนามัยสำหรับแมว  ไม่ใช่ทรายก่อสร้างนะคะ แต่เป็นทรายอนามัยที่ทำขึ้นมาเพื่อดูดซับกลิ่นของเสียต่าง ๆ ให้ดีกว่าทรายธรรมดา ทรายพวกนี้เมื่อถูกฉี่ ก็จะจับตัวเป็นก้อน แล้วเราก็ตักทิ้ง      ปกติแล้วจะเป็นพวกซิลิกอนเจล ดูดน้ำจับตัวเป็นโคลน แต่หลังๆ หลายบริษัทหันมาพัฒนาให้ทำมาจากวัสุดธรรมชาติไม่เป็นอันตรายต่อแมว เพราะแมวบางตัว ดันเอาทรายมาเคี้ยวเล่น แล้วเป็นพิษ เสียชีวิตก็มี แต่ระยะหลังเริ่มมีผู้ผลิตหลายรายหันมาใช้วัสดุจากธรรมชาติ ซึ่งปลอดภัยกว่ามาก

 

รีวิวทรายไว้อ่านเล่น กดอ่านดูนะคะ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=mamaew&month=28-02-2006&group=7&gblog=1

(ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของBlog มากค่ะที่ทำให้เราเข้าใจทรายแมวมากยิ่งขึ้น)

  

ข้อดี  ทรายแมว หาซื้อง่าย ตามร้านสะดวกซื้อก็มีขาย แมวชอบเพราะสามารถกลบได้ง่ายกว่า (กลบสนุกกว่า)  มีหลากหลายสูตร  บางสูตรเก็บกลิ่นได้ดีมาก

ข้อเสีย (ที่หลาย ๆคนพบ) เวลาโดนฉี่ตักทีแทบจะครึ่งกระบะ บางยี่ห้อตักยาก ทรายติดตรีนแมวกระจายทั่วบ้าน หรือเวลากลบอึ แมวขุดสะบัดออกนอกกระบะก็เปลืองอีก  และทรายบางตัวเป็นสิ่งสังเคราะห์มา อาจเป็นอันตรายต่อแมวได้  เวลาตักไปทิ้ง มันจะค่อนข้างฟุ้งแสบจมูก สำหรับบางรุ่นบางยี่ห้อ

   กระบะที่ใช้กับทรายแมว เป็นกระบะชั้นเดียว จะไฮโซ ซื้อห้องน้ำสำหรับแมวโดยเฉพาะ มีฝาครอบพร้อมกันกลิ่นอึออก กันทรายกระเด็นเวลาแมวคุ้ยก็ได้ มีหลากหลายแบบ ราคาค่อนข้างแพงนิดนึง แนะนำว่า หาซื้อใหญ่ ๆ ไปเลยดีกว่า เพราะยังไงแมวก็ต้องโต หรือจะไทยประดิษฐ์ DIY กันเอง ประยุกต์ใช้กันตามกำลังทรัพย์ก็ได้ไม่ว่ากัน ห้องน้ำแมวไฮโซ มีฝาครอบกันทรายกระเด็น กันกลิ่นออก จะดูน่าอึดอัดสำหรับท่านที่เลี้ยงแมวเป็นหมูไปหน่อยก็เหอะ แต่ราคาบางรุ่นทำร้ายกระเป๋าตังค์มากค่ะ ส่วนรุ่นเข้ามุม ใหญ่มาก เคยไปเห็นที่บ้านพี่คนนึง ปัจจุบันทำเป็นถ้ำให้แมวนอนเล่น เพราะแมวเข้าไปเล่นกันจนมากกว่าจะไปฉี่ – -* แพงโฮกอีกเช่นเคย       สำหรับพ่อแม่แมวที่งบน้อยเน้นประหยัด ก็หยิบฉวยเอาสิ่งใกล้ตัวมาทำ ไม่ว่าจะเป็นกะละมัง กล่อง ฯลฯ ตามลำบาก ถ้าโปรกันอีกหน่อย ก็ DIY ไทยประดิษฐ์ ให้สร้างสรรค์ ประหยัดงบได้เยอะ ใช้ดีไม่ดีก็ค่อยปรับกันไปค่ะ

 

 

2.2 ขี้เลื่อยอัดแท่ง  เป็นประเภทโดนน้ำแล้วแตกตัว ส่วนใหญ่ทำจากไม้สน สะอาดปลอดภัยเก็บกลิ่นดี แต่ต้องใช้กระบะแบบ 2 ชั้นจะดีสุด เพราะฉี่ไม่หมักหมมขี้เลื่อยจะไม่แตกตัวไวจนเกินไป มีหลากหลายยี่ห้อ กระบะแบบที่มีขายพร้อมก็มี หรือจะทำใช้เองก็ได้  กระบะสำเร็จรูปทีมีขาย ราคาเริ่มต้นที่ 250 ขึ้นไป แต่มีข้อเสียที่ กระบะเตี้ยและเล็กเกินไปสำหรับแมวยักษ์บางตัว และแมวมักโฟกัสไม่ตรงจุดหรือพูดง่าย ๆ ว่า เลยกระบะ

ข้อดี  ปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยง ไม่ฟุ้ง และกลิ่นโอเค (สำหรับเรา) เก็บกลิ่นได้ดีมาก (ถ้าไม่ขี้เกียจปล่อยให้หมักหมม) ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ใด ๆ

ข้อเสีย หาซื้อยากมาก ต้องใช้กับกระบะ 2 ชั้นถึงจะให้ผลดีที่สุด แมวไม่ค่อยชอบเพราะกลบไม่มันเท่ากับทรายอนามัย บางตัวไม่กลบเลยก็มี Y_Y  เมื่อก่อนเคยใช้ขี้เลื่อยไม้สนอัดแท่งธรรมดามาก่อน  ตอนนั้นยังไม่ได้กระบะ2ชั้น ก็เปลืองหน่อย เพราะฉี่มันนองพื้นก็ทำให้ขี้เลื่อยมันแตกตัวไวมากต้องตักบ่อยด้วย เราใช้กล่องเก็บของใบใหญ่เป็นห้องน้ำให้แมว เพราะเวลากลบอึจะไม่กระเด็นออกมาแน่ ๆแต่ต้องหาเก้าอี้ต่อให้เค้าปีนเข้าด้วยถ้าแมวยังเด็ก แต่ถ้าโตแล้วก็ไม่ต้อง ส่วนตอนนี้เปลี่ยนมาใช้ตัวนี้ทำกระบะ 2 ชั้นใช้เองแล้ว ดีมาก……

 

(รีวิวขี้เลื่อยอัดแท่งผสมคาร์บอน ที่ใช้อยู่ตอนนี้ http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2010/08/J9557045/J9557045.html  )

แต่ที่สุดแล้ว ถ้าแมวขี้ไม่กลบ ต่อให้ดีแค่ไหน มันก็เหม็นนะคะ >

 

3. ที่นอนแมว

แล้วแต่ความไฮโซ ถ้ามีกะตังค์ก็ซื้อที่นอนมาให้เลยราคา ไม่แน่ใจ 2-3 ร้อยบาท แต่ถ้าเน้นประหยัด ก็ตะกร้า เอาผ้าปูใส่หมอนให้ แต่ถ้าให้นอนด้วย ไม่ต้องห่วงค่ะ ท่าน ๆจะยึดที่นอนเราเอง – -”

 

4. ปลอกคอ

ควรมีนะคะ แสดงความเป็นเจ้าของ ถ้ามี pet tag ด้วยยิ่งดี เผื่อหายไปแล้วมีคนเจอจะได้ส่งคืนได้

 

5. อาหารแมว 

มีหลายยี่ห้อเราจะแบ่งออกเป็นเกรดธรรมดา กับเกรดพรีเมี่ยม  (เกรดเดียวกับคนกิน) เรื่องนี้อธิบายกันยาวยกยอดไว้เขียนตอนหน้าดีกว่า แมว 1 ตัวต่อเดือน ค่าอาหารต่ำสุดตกประมาณ 300 บาท ซึ่งแมวห้ามกินเค็ม เพราะเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคไต อาหารที่ให้แมวกินอยู่ตอนนี้มี 3 แบบ คือ

5.1 อาหารเม็ด แนะนำ เกรดธรรมดาก่อนนะคะ ยี่ห้อ Super cat สูตรเค็มต่ำ ยี่ห้อนี้เกรดธรรมดา แต่สูตรอาหารทำได้ดีเรื่องความเค็ม คุณภาพอาหารก็นะ พอๆกับตลาดทั่ว ๆไป (ที่ให้กินคือ แก้ขัดเวลาแม่มันกระเป๋าแบน)

ส่วนถ้าเป็นพวกพรีเมี่ยมที่พี่ๆห้องแมวหลายท่านแนะนำคือ maxima หาซื้อยากหน่อย แต่ดีมากถ้ายกกระสอบได้ก็ถูกพอ ๆ กับพวกตลาดทั่วไป ส่วน Canin นั้นดีจริงมีหลากหลายสูตรและแพงเอาเรื่องอยู่ (ก็ของเค้าดีจริงน่ะ แมวที่บ้านกินแล้วขนสวยขึ้น แต่อิแม่มันกระเป๋าฟี้บลงๆ) ส่วนอีกยี่ห้อที่ให้บรรดาเจ้านายกินอยู่ คือ Diamond แต่ก็แพงหน่อย ส่วนตัวรู้สึกว่าดีมาก สำหรับยี่ห้อที่ไม่แนะนำเลย คือ ยี่ห้อ Fถุงเหลือง ยี่ห้อ Mถุงเหลือง ยี่ห้อWถุงม่วง (หาซื้อได้ทั่วไปค่ะ)

เริ่มแรกก็เคยให้กินตามปกติด้วยยี่ห้อโฆษณาทั้งหลายเพราะเห็นว่าหาง่ายและถูกดี แต่เคราะห์หามยามซวยมาตกที่ลูกชายดิฉัน ตอนนี้ลูกชายดิฉันเป็นโรคไปแล้ว 1 โต๋ จึงต้องรีบเปลี่ยนก่อนที่จะเป็นมากกว่านี้ ส่วนท่านอื่น ๆไม่ต้องตกใจไปนะคะ ก็กินได้ค่ะ เพราะโรคไตและโรคระบบทางเดินปัสสาวะนั้นเกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ เรื่องอาหารเค็ม ยันถึงมะเร็ง  ดังนั้นอาหารการกิน เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้เกิดโรค แต่เป็นปัจจัยเดียวที่เราสามารถควบคุมและป้องกันได้ง่ายที่สุด  ตอนนี้จึงได้กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ เพราะถ้าตามแก้ แพงกว่าค่าอาหารอีก

5.2 อาหารเปียก ไม่แนะนำพวก House brand (ยี่ห้อของห้าง) เพราะส่วนใหญ่คุณภาพต่ำเปิดมาเจอแม้กระทั่งก้างปลา หัวปลา ยังไงพวกยี่ห้อดัง ๆ ก็ดีกว่าในด้านคุณภาพ ของที่บ้านกินอาหารแมวกระป๋องเปลือย เป็นยี่ห้อส่งออกค่ะ ดีมากเนื้อเป็นต่อนๆ (ไม่ใช่ปลาร้านะคะ ) ไม่เค็ม ชิมด้วยตัวเองแล้ว ขอบอกว่า จืดและคาวมากกก >< (นึกแล้วจะอ้วก)

5.3 อาหารทำเอง  ไก่ต้ม หรือ ปลาต้ม ไม่ปรุงรส  จะเสริมด้วยฝักทองต้ม, แครอทต้ม ทิ้งไว้ให้หายร้อนแล้วฉีกหรือแกะเนื้อเอาไปปั่นรวมกัน ให้แมวกิน ปลากก็แกะก้างให้ เน้นไปเลยว่าห้ามปรุงรสใด ๆ ทั้งสิ้น

5.4 ซุปไก่ แนะนำแบรนด์ซุปไก่(จริงๆ ยี่ห้อไหนก็ได้นะ แต่ติดปากไปซะแล้ว) สำหรับแมวที่ป่วยแล้วเบื่ออาหาร พิสูจน์มาหลายบ้านแล้วเทใส่ถ้วยแบ่งให้แมวกินเบื่อแค่ไหน ไม่ตายก็ลุกมากินได้

สรุป การให้อาหารควรสลับกันไปทั้ง 3 แบบ จะดีที่สุดค่ะ ไม่ควรให้อาหารเม็ดเพียงอย่างเดียว เพราะนั่นคือหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้แมวเป็นโรคเกี่ยวกับไตและทางเดินปัสสาวะ

 

ทำไมถึงเน้นอาหารพรีเมี่ยม เพราะอาหารพรีเมี่ยมจะมีคุณภาพดีกว่าอาหารทั่วไป วัตถุดิบที่ใช้เป็นเกรดเดียวกันกับที่คนกิน ไม่ใช่ผลพลอยได้จาก ….. บลา ๆๆๆ จึงช่วยลดอัตราความเสี่ยงในการเกิดโรคไต,โรคทางเดินปัสสาวะได้ ยอมเสียเงินตั้งแต่วันนี้ดีกว่า เพราะถึงวันนึงที่เค้าเป็นโรคไต วันนั้นถึงคิดได้ว่า ต่อให้เรามีเงินแค่ไหน เราก็ทำให้มันหายจากโรคพวกนี้ไม่ได้ ทุกครั้งที่ไปหาหมอ มันทรมานที่ต้องเห็นเค้าถูกเจาะให้น้ำเกลือ ถูกสวนท่อฉี่ ทรมานจากการฉี่ไม่ออก ซึ่งเราได้แต่ยืนดูแล้วร้องไห้

 

สิ่งต้องห้ามสำหรับแมว

1. ห้ามให้พาราเซตามอลแก่แมว เพราะแมวไม่สามารถขับพาราฯออกจากร่างกายได้เองเหมือนคน ถ้าให้แมวจะหน้ากลมบ็อกเหงือกซีด ฯลฯ และตายในที่สุด (จำไม่ได้ว่าเพราะอะไรนะคะ ลองกด Google ดูนะคะ)

 2. ห้ามให้กระดูกไก่แก่แมว (รวมถึงหมา) เพราะกระดูกไก่จะหักเป็นปลายแหลมทิ่มลำไส้แมว

นี่คือข้อหลัก ๆที่ควรจำไว้ค่ะ (จริงๆ มีเยอะกว่านี้แต่กลัวจะไม่อ่านกันแล้วยาวจัด)

 3. ช็อกโกแล็ต – ช็อกโกแล็ตมี Theobromine ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มจังหวะการเต้นของหัวใจ, กระตุ้นระบบสมองส่วนกลาง และเสี่ยงต่ออาการตีบหรือคอดของเส้นเลือด และแสดงออกในรูปแบบตั้งแต่อาเจียน, ท้องร่วง, กระสับกระส่าย จนถึงหัวใจทำงานผิดปกติ, หมดสติจนถึงตาย อาการเหล่านี้แสดงให้เห็นเร็วมากเพียง 4-6 ชั่วโมงหลังรับประทาน ดังนั้นควรจะปรึกษาสัตวแพทย์ทันทีที่สัตว์เลี้ยงของคุณได้รับประทานช็อกโกแล็ตลงไป

 4. แอลกอฮอล์ – แอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่สัตว์เลี้ยงของคุณควรหลีกเลี่ยง เพราะแอลกอฮอล์ปริมาณเพียงนิดเดียว ก็สามารถทำให้แมวหรือสุนัขเมาเดินโซเซชนข้าวของ หรือทำให้ตัวเองบาดเจ็บได้แล้ว นอกจากนั้นอาจทำให้มันไม่สามารถบังคับการขับถ่ายในขณะนั้นๆได้อีกด้วย สำหรับแอลกอฮอล์ในปริมาณสูง จะกดประสาทส่วนกลาง ทำให้การหายใจและหัวใจทำงานผิดปกติ และอาจร้ายแรงถึงขั้นตายได้

 5. นมวัว – ท่านอาจคิดว่านมเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขและแมวของคุณ แต่ที่จริงแล้วร่างกายของสัตว์เหล่านั้น ไม่สามารถรับแล็คโตสในปริมาณมากๆได้ จนทำให้เกิดอาการท้องร่วงนอกจากนี้สัตว์เลี้ยงมักจะขาดเอ็นไซน์ ในการย่อยน้ำตาลในนม ทำให้เกิดอาการอาเจียน, ท้องเสีย หรืออาการผิดปกติในลำไส้

(แต่เราสามารถให้กินนมแพะ หรือนมสำหรับแมวได้นะคะ แต่ควรให้ทดลองกินน้อย ๆก่อน เพราะแมวบางตัวก็แพ้นมทุกอย่างเหมือนกัน ถ้าน้องแมวกินแล้วถ่ายเหลวให้เลิกกินทันที เพราะแพ้ ถ้าถ่ายเหลวหรือท้องเสียมาก ๆ ถึงตายได้ค่ะ)

 6. แฮมหรืออาหารที่ทำจากสัตว์ชนิดอื่นที่มีรสเค็ม – อาหารเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงมาก นอกจากจะมีปริมาณไขมันสูงแล้ว ยังมีรสเค็มจนอาจเป็นสาเหตุของอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ยิ่งกว่านั้นสุนัขสายพันธ์ใหญ่ๆ หากได้รับประทานอาหารที่มีรสเค็มแล้ว มักจะดื่มน้ำมากจนเกิดอาการที่เรียกว่า bloat ซึ่งเป็นอาการ ที่เกิดจากภาวะที่มีปริมาณแก๊สในท้องมากเกินไป และจะตายในไม่กี่ชั่วโมงต่อมาหากไม่ได้รับการรักษา หรือปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง

 7. หัวหอม – หัวหอมประกอบไปด้วย allyl propyl disulfide ซึ่งเป็นสารที่สามารถทำลายเซลเม็ดเลือดแดง และส่งผลให้สัตว์เลี้ยงเกิดอาการโลหิตจาง อ่อนแอและมีปัญหาในการหายใจ ดังนั้นควรพาสัตว์เลี้ยง ไปพบสัตวแพทย์ทันทีที่มันรับประทานหัวหอมเข้าไป

 8. ชา กาแฟ เครื่องดื่มคาเฟอีน– คาเฟอีนประกอบไปด้วย methylated xanthine ซึ่งกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง และการทำงานของหัวใจ นอกจากนั้นในหลายชั่วโมงต่อมาอาจแสดงอาการกระสับกระส่าย อาเจียน ในสั่นจนถึงขั้นเสียชีวิต

 9. น้ำมันสกัดจากผลไม้ชนิดส้ม ทำให้เกิดการอาเจียน

 10. ตับ(ให้กินในปริมาณมาก) ทำให้เกิดวิตามินเอเป็นพิษ ส่งผลกับกล้ามเนื้อและกระดูก แต่ก็ให้กินในปริมาณน้อย ๆนาน ๆ ทีก็พอได้ค่ะ แต่ยังไงเสียเลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะคะ

 11. ลูกเกด และองุ่น – ทำให้ไตทำงานหนักมากขึ้น

 12. ไข่ดิบ มีสาร Avidin ที่ลดการซึมซับไบโอติน(วิตามินบีชนิดหนึ่ง)และทำให้เกิดผลเสียต่อขนและผิวหนัง.

13. ปลาดิบ ทำให้เกิดการขาดวิตามินบี Thiamine และไม่อยากอาหาร ชัก หรือในกรณีที่ซีเรียสมากอาจถึงตายได้

 

เตรียมตัวและเตรียมใจพร้อมแล้ว วันที่รับแมวเข้าบ้านควรทำอย่างไร

 

1. ก่อนพาแมวเข้าบ้าน

พาไปพบสัตว์แพทย์เพื่อทำประวัติและแนะนำตัวก่อน คุณหมอจะให้รอ 1 สัปดาห์เพื่อดูว่ามีไข้ไหม ถ้าไม่มีจึงจะเริ่มทำวัคซีนให้ ในข้อนี้ ถ้าแมวที่เรารับมามีใบประวัติมาด้วยก็เอาให้คุณหมอดู แต่ถ้าไม่มี อาจจะต้องเล่าประวัติเค้าให้หมอฟังบ้างเล็กน้อยเพื่อให้คุณหมอได้ประเมินอาการเจ้าตัวเล็กคร่าว ๆ และขอคำแนะนำจากคุณหมอ

คุณหมอจะทำอะไรบ้าง

1.1 หยอดยาถ่ายพยาธิ

1.2 อาจจะหยดยากันหมัดให้แนะนำว่าให้อาบน้ำหรือเช็ดตัวก่อน เพราะหลังหยดยาห้ามอาบน้ำ 3 วันเพื่อให้ตัวยาทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ถ้ากลัวแมวจะป่วยเลยไม่อยากอาบน้ำให้ก่อนหยดยา ก็ให้เอาผ้าชุบน้ำอุ่นบิดแห้งเช็ด ๆ ตามตัว หรือเอาทิชชู่เปียกเช็ดตรูดเด็กเช็ดตามตัวก็ได้

1.3  วัคซีน คุณหมอให้รอดู 1 สัปดาห์ว่ามีไข้ไหม ถ้าไม่มีจะเริ่มทำวัคซีนให้ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ครั้งละ 300-500 แล้วแต่ที่ฉีด ควรฉีดให้ครบทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคและไม่ต้องเสียเงินมากมายในอนาคต แมวเด็กหรือแมวไม่เคยฉีดวัคซีนจะเสียเงินเยอะหน่อยแค่ช่วยแรก พอทำวัคซีนครบก็แค่ฉีดปีละครั้ง 2 ครั้งกันพิษสุนัขบ้า

 

2. เมื่อพาเข้าบ้านแล้ว

ก่อนเปิดตะกร้าปล่อยแมวออกมา ต้องปิดห้องและประตูหน้าต่างให้ดี เพราะแมวมักตื่นที่ง่าย เค้าอาจจะโดดออกนอกบ้านแล้วหายไปหรือโดนรถชนตายก็มี

 

3. ปล่อยแมวออกมาแล้ว

ให้เค้าเดินสำรวจไปรอบๆห้อง แนะนำว่า ให้จัดวาง น้ำ อาหาร ที่นอน และห้องน้ำอยู่ใกล้ ๆกัน เพื่อให้เค้ารู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน

 

4. แมวเมื่อย้ายที่อยู่จะเกิดความเครียด

อาจจะไม่อึฉี่เป็นสัปดาห์ หรือไม่ยอมกินอะไรในช่วงแรก เราต้องปล่อยเค้าบ้างและให้เค้ารู้สึกสบายใจ แมวจะหายจากอาการพวกนี้เอง  เพราะแมวเป็นพวกติดบ้านติดถิ่นที่อยู่อาศัย

 

5. เรื่องที่อึฉี่หรือห้องน้ำแมว

ถ้าเห็นแมวเริ่มทำท่าเหมือนจะอึฉี่ให้อุ้มใส่ห้องน้ำ มันทนไม่ไหวมันก็ฉี่ใส่เอง แต่ถ้าไม่ทันเค้าอึฉี่นอกที่ ให้เอาทิชชู่ที่เช็ดฉี่ใส่ไว้ในห้องน้ำแมว พอแมวจะเข้าเค้าก็จะดม ๆ แล้วเข้าไปเอง ส่วนจุดที่เค้าไปฉี่ ให้เช็ดทำความสะอาดให้หมดกลิ่น ถ้าเป็นไปได้ตอนทำความสะอาดให้เก็บแมวเข้ากรง รอจนทำความสะอาดเสร็จพื้นแห้งค่อยปล่อยออกมากันแมวอุตริกินน้ำยาทำความสะอาด

 

6. ที่นอน

สำหรับแมวเด็ก คืนแรก ถ้าหากให้เค้านอนนอกห้อง อาจจะมีร้องแหกปาก อาจจะให้นอนด้วยกันหรือในห้องที่ปิดมิดชิดคอยดูคอยฟังว่าเค้าจะร้องไหม และที่สำคัญห้องน้ำกับน้ำสะอาดต้องมีอยู่ใกล้ๆ พอเค้าเริ่มชินอาจจะจัดให้นอนนอกห้องเราก็ได้

 

เป็นไกด์เล็ก ๆน้อย ๆ สำหรับคนรักแมวทั้งหลาย หรือคนอยากมีแมวเป็นของตัวเองแต่เริ่มไม่ถูก ลองอ่านดูนะคะ เลี้ยงแมวไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ ^^/

 

ปล. ทาสแมวหน้าตาดีทุกคน

ตระกร้าใส่แมว

ตระกร้าใส่แมว

ใส่ความเห็น