คุยกันเรื่อง สัตว์จรจัด ทำไมต้องสกรีนคนรับอย่างกับคัดตัวดารา เรื่องมากการเลี้ยงระบบปิด และทำหมันมันบาปนะ…………….

12 กันยายน 2010 เวลา 2:38 น.

เคยลงไว้ที่นี่ http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2010/05/J9213531/J9213531.html

จริง ๆ ตั้งใจจะตั้งกระทู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ด้วยจิตตกหลาย ๆ เรื่องพอจะตั้งกระทู้กลับไม่มีอารมณ์เขียนซะงั้น (อาร์ตไปไหมเนี่ย) และขอตั้งกระทู้ในห้องแมวละกันนะคะ เพราะบทสนทนานี้เกิดจากการคุยกันเรื่องแมว แต่ก็อยากให้พี่ป้าน้าอา และน้อง ๆ จากห้องอื่น ๆ มาอ่านด้วย (หลายใจจริงวุ้ย )

 

เข้าเรื่องเลยนะคะ บทสนทนานี้ เป็นบทสนทนาระหว่างป้า กับเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งได้มีการลดทอนคำที่หยาบคายเกินมาตรฐานการพูดในที่สาธารณะ หรือ ข้อความที่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว และได้รับความยินยอมจากเพื่อนแล้วว่า สามารถเอามาเผยแพร่ได้บางส่วน โดยเพื่อนบอกว่า “แกจะเขียนอะไรก็เขียนไปเหอะ ยกเว้นเรื่องแฟนที่ฉันเอามาปรึกษาแก โอเคนะ”

 

4 พ.ค. 2553

 

หลังจากที่ได้โพสต์ข้อความนี้ใน FB ขอป้า “ใครพอจะหมาบ้านพักชั่วคราวที่จะรับฝากแมวจรประมาณ 10-20 ตัวไว้ชั่วคราวได้บ้างจะเป็นหน่วยงานรัฐ หรือเอกชนก็ได้ สืบเนื่องจากไปช่วยแมวที่กำลังจะโดนกำจัดทิ้ง แต่ต้องส่งคืนที่เดิม เพราะหาที่รับดูแลชั่วคราวก่อนพาไปหาบ้านไม่ได้ ใครมีที่ไหนแนะนำโพสต์ให้ทีเดี๋ยวจะติดต่อไปเอง” คุณเพื่อนก็ msn เข้ามาคุยด้วย

 

เพื่อน : เฮ้ยเป็นไรของแกวะ คราวก่อนก็การเมิง พักนี้ก็บ้าแมว ไหวม่ะแกเนี่ย”

 

ป้า : ก็นิดหน่อยว่ะ เห็นแล้วทำใจไม่ได้ ยิ่งลงไปทำเองยิ่งรู้สึก

 

เพื่อน : เป็นภาระป่าว ๆ ว่ะ

 

ป้า : อืม ก็ช่วยได้ก็ช่วย

 

เพื่อน : ไม่ลองติดต่อในพันทิปดูอ่ะ เห็นแกไปสิงเอากระทู้แถวนั้นมาปล่อยบ่อย ๆ เค้าน่าจะช่วยได้

 

ป้า : ก็นี่ล่ะ ไปกะคนในพันทิปมา เซฟเฮ้าส์ช่วยหมาแมว เต็มว่ะ ไม่รู้จะทำไงดีแล้ว

 

เพื่อน : กำ แล้วทำไงดีวะเนี่ย

 

ป้า : ก็ถึงมาหานี่ไง แกพอจะรู้จักม่ะ

 

เพื่อน : บอกตรง ๆ เมิงหวังอะไรกับประเทศนี้

 

ป้า : อืม – – อินี่พูดตรง ไม่ให้มีความหวังเลยนะเมิง

 

เพื่อน : เออ ไม่มีอ่ะ เท่าที่รู้ไม่มีใครตั้งเป็นหน่วยงานอย่างเป็นทางการ มีแต่จับหมาอ่ะ เอาไปฝากวัดได้ไหมวะ

 

ป้า : คิดอยู่ แต่ไม่อยากทำ รบกวนพระท่าน แล้วแมวส่วนใหญ่มันโตแล้ว หาบ้านยากว่ะ เป็นแก ถ้าแกรับมาก็คงเลือกแมวเด็กใช่ไหมล่ะ

 

เพื่อน : อืม ก็ใช่ แต่ไอแมวจรจัดพวกนี้แกไม่ต้องไปสนใจมากก็ได้ มันเป็นสัตว์นะ มันหากินเองได้

 

ป้า : กทม.นะไม่ใช่ป่าดิบ จะได้มีนกหนูให้จับกิน หนูกทม.ทุกวันนี้ตัวเท่าแมวแล้วแก ดีไม่ดี มันจับลูกแมวแดรกรึเปล่าก็ไม่รู้ T  T น่ากัวจิ๊บ

 

เพื่อน : แถวบ้านฉัน ก็มีหนูตัวเท่าแมวน่ากลัวว่ะ แล้วแมวที่แกจะช่วยเมื่อก่อนมันหากินยังไงอ่ะ

 

ป้า : มันมีร้านอาหารไง แต่เค้ารื้อทำคอนโด แล้วแมวก็อยู่แถวนั้น รถแมคโครก็วิ่งกัน

 

เพื่อน : เดี๋ยวมันก็หนีกันเองล่ะน่า

 

ป้า : มันหนีกันเป็นก็ดีดิ เห็นหลายเคสแล้ว หมาแมวโดนแมคโครทับตาย เพราะเจือกไปหลบใต้ที่ ๆ รถจะผ่าน แบนเป็นหนูโดนรถทับเลยเมิง

 

เพื่อน : เวร พูดซะกรูจิตตกตามเลยนะ แล้วนี่ทำไงต่อ

 

ป้า : ก็คงหาที่ให้ได้อ่ะ ทำเท่าที่ทำได้ เพราะบ้านฉันก็เต็มแล้ว รับได้แค่ 2 ตัว เกรงใจเจ้าของบ้านเค้าน่ะ

 

เพื่อน : ไอสองตัวที่แกเอาขึ้นเอ็มบ่อย ๆ นี่หรอ

 

ป้า : เออ รับมาจากโครงการเหมือนกัน

 

เพื่อน : เออดีล่ะ ไม่ต้องไปหาซื้อแมว แต่ไอตัวสีน้ำตาลหน้ามันตลกดีว่ะ แกบังคับมันถ่ายรูปหรอวะ หน้าเหมือน ดิงก้า ที่อยู่ข้างหลังเลย

 

ป้า : ป่าว มันเป็นแมวหน้าเซ็ง กว่าจะได้มา นานเหมือนกัน

 

เพื่อน : เค้าไม่ได้ให้ฟรีเรอะ

 

ป้า : ฟรี แต่สกรีนคนรับไง

 

เพื่อน : โห สกรีนคนรับ ทำอย่างกะคัดตัวเดอะสตาร์เลย เค้าสกรีนเรื่องไรมั่งอ่ะ

 

ป้า : หลายเรื่อง ถามทำไม จะไปรับมั่งม่ะล่ะ

 

เพื่อน : ไม่อ่ะ ดูแลตัวเองยังไม่รอดเลย ถามเผื่อไว้ เผื่อคนที่ทำงานอยากได้ เห็นเค้าว่ามีเปอร์เซียแจกฟรีด้วยนี่หว่า

 

ป้า : หวังสูงนะเมิง เปอร์เซียนี่นาน ๆ มาที แต่ก็ถือว่าบ่อยว่ะ สกรีนกันแปดตลบ ยิ่งกว่าสอบสัมภาษณ์เข้าทำงานอีก

 

เพื่อน : คนอยากได้เยอะหรอ แต่แมวแพง ๆ นี่ทำไมเค้ายกให้คนอื่นกันฟรี ๆ อ่ะ ไม่รักไม่เสียดายเรอะ

 

ป้า : บางตัวก็ถูกทำร้าย บางตัวถูกทิ้ง บางตัวโรคแดรก เชื้อราบานแทบไม่เหมือนเปอร์เซีย ต้องเอาเข้าโครงการไปรักษา ก่อนพาหาบ้าน น้อยมากว่ะที่จะมีแบบให้ฟรี เพราะเลี้ยงไม่ได้แล้ว

 

เพื่อน : ให้ฟรีเลยใช่ป่ะ แล้วแบบนี้คนอยากได้เยอะ ๆ เค้าคัดคนยังไงวะ

 

ป้า : ก็ถามประวัติการเลี้ยงสัตว์ เคยเลี้ยงอะไรมา ที่บ้านมีตัวอะไรอยู่ ดูความสามารถในการดูแล ว่าพาไปฉีดวัคซีนตามกำหนดได้ไหม ถึงเวลาพาไปทำหมันได้รึเปล่า เลี้ยงระบบปิดได้ไหม อะไรแบบนี้

 

เพื่อน : ทำหมันบาปนะเมิง อย่าไปทำเลยสงสารว่ะ

 

ป้า : เมื่อก่อนก็คิดแบบนี้นะ แต่พอเห็นลูกหมาโดนรถทับตาย กรูเปลี่ยนความคิดเลยเพื่อน : ก็เจ้าของมันดูแลไม่ดีนี่หว่า

 

ป้า : ป่าวลูกหมาจรหลงมา แล้วพ่อชั้นไม่รับเลี้ยง ตอนเช้าเจอมันนอนตายหน้าปากซอย T  T โดนรถชนไส้ไหล

 

เพื่อน : น่าสงสาร

 

ป้า : หมาแมว 1 ตัว ถ้าท้องได้ปีละ 2 ครั้ง ครั้งนึงมีลูก 3 ตัว ปีนึงจะได้ลูกหมา 6 ตัว

แล้วปีต่อมา ถ้า 3 ใน 6 เป็นตัวเมีย จะมีหมาตัวเมีย 4 ตัว *3 ได้ลูกหมา 12 ตัว *2 1 ปีได้ 24 ตัว

24 ตัวนี้เป็นตัวเมีย 12 ตัว + แม่กะยายอีก 4 เป็น 16

นี่คิดคร่าว ๆ นะ เพราะอัตราส่วนตัวเมียจะมีมากกว่าตัวผู้เสมอ

แล้วหมาหนึ่งครอก มีตั้งแต่ 1-10 ตัว เท่าที่เคยเห็นมาจะประมาณ 4-6 ตัว

 

เพื่อน : …..

 

ป้า : คิดดูนะ แค่ 3 ปี มันทวีคูณกันไปเท่าไหร่ แล้วนี่ยังไม่รวม คนที่ซื้อหมามาเลี้ยงเพราะน่ารัก แล้วทิ้งมันตอนโตอีกนะ ขนาดเปอร์เซีย เลี้ยงง่ายกว่าหมานะ ยังทิ้งกันโครม ๆ เลยแก ถ้าจะตัดวงจรนี้ ก็ต้องช่วยกันทำหมันตัวที่มีอยู่ไม่ให้เพิ่มจำนวนก่อน ฉันเลยคิดว่า ทำหมันไม่บาป เท่ากันเอาหมามาปล่อยสร้างความลำบากให้คนอื่น หรือทรมาณให้มันตาย

 

เพื่อน : ไอคนเลี้ยงมันก็ไม่รับผิดชอบเนอะ

 

ป้า : อืม ปลูกสัน-ด-า-น คนมันยากว่ะ อย่างแกถ้าไม่พร้อมก็ไม่เลี้ยงใช่ป่ะ แกก็ดูตัวเองก่อนว่า ทำได้แค่ไหน แบบนี้คือไม่สร้างปัญหาไง แต่อิพวกซื้อหมาแมวให้แฟน แล้วพอเลิกกันแล้วเอามาทิ้งเนี่ย อยากโดดถีบขาคู่ไอคนซื้อจริง ๆ มันเอาอะไรคิดฟระ

 

เพื่อน : พวกนี้มีเงินอย่างเดียวไม่พอ ต้องโง่ประกอบด้วย

 

ป้า : ถูกต้อง (ชั้นไม่ได้พูดนะ แกพูดเอง 55555)

 

เพื่อน : เออ แล้วอะไรวะ ระบบปิด

 

ป้า : ออ ก็เป็นการเลี้ยงแบบให้อยู่แต่ในบ้าน หรือบริเวณบ้านไง ไม่ให้ออกนอกบ้านไปไหน

 

เพื่อน : โหกักขังหมาแมวไม่เครียดตายหรอวะ

 

ป้า : ก็ไม่นะ มันมีวิธีการเลี้ยง ถึงอยู่แต่ในบ้านก็จะมีจุดให้ชมวิว หรือพาออกนอกบ้านบ้าง แต่ถ้าตัวบ้านมีพื้นที่ ก็ให้อยู่ในรั้วบ้าน ทำตระแกรงกั้นไม่ให้ปีนออกได้ไง จะได้ไม่ต้องออกไปโดนรถทับ แล้วก็ไม่มีปัญหากับเพื่อนบ้านด้วย ถ้ามีขี้แมว เค้าก็ว่าแมวเราไม่ได้ เพราะมันออกไปไหนไม่ได้

 

เพื่อน : ลำบากว่ะ แล้วปล่อยไม่ได้เลยหรอไง

 

ป้า : มีบางคนเลี้ยงแบบกึ่งปิด กึ่งเปิดนะ คือเปิดให้ออกไปนอกบ้านได้ แต่กลับเข้ามานอนบ้าน ถ้าเลี้ยงแบบนี้แล้วไม่มีปัญหาเรื่องคนข้างบ้าน หรือบ้านมีพื้นที่ให้วิ่งเล่นได้ไกล เข้าใจวิธีการดูแล ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าในเมืองรถเยอะ ๆ เค้าให้เลี้ยงปิดอย่างเดียว

 

เพื่อน : จะเรื่องมากทำไมวะ แมวจรจัดนะเฟ้ย ไม่ใช่เปอร์เซีย

 

ป้า : ถ้าให้พูดตรง ๆ คือ เค้าวัดใจเมิงอ่ะ ถ้าอยากเลี้ยงแล้วไม่เข้าใจระบบการเลี้ยงทั้งเปิดและปิดจริง ๆ ก็อยากให้เมิงเลี้ยงแบบปิด โครงการนี้เค้าอยากปลูกฝังให้รักและเลี้ยงดูสัตว์แบบเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยง  “รักแบบมีความรับผิดชอบน่ะ”

 

เพื่อน : เว่อร์ไป?

 

ป้า : ไม่หรอก แกคิดดูนะ ถ้าบ้านแกมีแมวมาขี้หน้าบ้าน มาขโมยของกิน มาทิ้งขนแมวไว้ในบ้านแก แกจะโกรธไหม บางคนโกรธขนาดเอามีดไล่ฟันหรือวางยาเบื่อแมวเลยนะ

 

เพื่อน : อิพวกนั้น มันเลวโดนนิสัยในส่วนลึกแก ฉันโกรธแค่ไหนก็ไม่ทำหรอก แค่ด่าเจ้าของให้มันดูแลอย่าให้แมวออกมาบ้านฉัน

 

ป้า : ถ้าแมวมันขี้ใส่ในกระเป๋าหลุยส์ใบโปรดแก หรือฉี่ใส่ BB แก แกจะโกรธไหม

 

เพื่อน : ฉันคงไล่เตะมันเลยล่ะแก ไม่ต้องไปด่าเจ้าของมันล่ะ แล้วค่อยให้มันจ่ายเงินให้ฉันเลย

 

ป้า : นั่นล่ะ ถ้าบอกว่า ดูแลอย่าให้ออกมา ก็ต้องเป็นระบบปิด ระบบปิดมันไม่ได้หมายถึงการขังไว้แต่ในห้อง แต่ปล่อยออกมาบริเวณบ้านได้ ชมนกชมไม้ได้ แต่ต้องทำให้ออกจากบริเวณบ้านไม่ได้ จะได้ไม่ก่อความเดือดร้อน

 

เพื่อน : อืมนะ ฉันเห็นบางบ้าน ก็เลี้ยงปล่อย ๆ นะ

 

ป้า : ปัญหาไม่ถึงตัวแก ก็ยังพูดได้ไง แต่ที่โครงการ เค้าเจอมาเยอะ ถ้าพูดจริง ๆ ก็อย่างที่บอก เค้าไม่ได้บังคับขนาดว่าเมิงต้องระบบปิด only แต่เค้าอยากให้มีสำนึกเลี้ยงแบบคนในครอบครัว

 

ถ้าเป็นคนในครอบครัว  แกจะปล่อยให้เค้าไปสร้างปัญหาให้ชาวบ้านป่ะ

ถ้าเป็นคนในครอบครัว  เค้าทำผิด แกจะตีเค้าจนขาหักไหม

ถ้าเป็นคนในครอบครัว  เค้าไม่สบายแกจะปล่อยเค้านอนซม เพราะแค่แกไม่ว่างป่ะ

ถ้าเป็นคนในครอบครัว  แกเลิกกะแฟน แกจะปล่อยลูกแกไปเป็นเด็กจรจัดม่ะ

 

เพื่อน : เลี้ยงเป็นลูกเลยเรอะ

 

ป้า : ถ้าแกได้เลี้ยงนะ แกจะรู้เลยว่า ทั้งรักทั้งห่วงขนาดไหน

 

เพื่อน : โห อินี่นิ กล่อมฉันเข้าลัทธิแมวหรอ

 

ป้า : นิดนึง

 

เพื่อน : เลี้ยงแล้วลำบากว่ะ อย่าเลี้ยงเลย

 

ป้า : ถ้าคนมันคิดแบบแกทุกคนแต่แรก ก็คงดีว่ะ ไม่เป็นเหมือนทุกวันนี้หรอก

 

เพื่อน : เออ แล้วโครงการอะไรของแกเนี่ย แกไปทำอะไรกะเค้าเรอะ

 

ป้า : รับแมวมาเลี้ยง 2 ตัว บริจาคนิด ๆ หน่อย ๆ ไปซื้อของช่วยบ้าง

 

เพื่อน : อ่าว ฉันก็คิดว่าแกทำมากกว่านี้ซะอีก เห็น FB เยอะนะ

 

ป้า : อินี่ กรูจน ทำเท่าที่ทำได้เว้ย ช่วยไรไม่ได้ รับแมวมาเลี้ยง เป็นกำลังใจให้คนทำซักหน่อยก็ยังดี บริจาค จะ 20 หรือจะ 2000 มันก็รวม ๆ กันเป็นหมื่นเป็นแสนได้

 

เพื่อน : เฮ้ยโครงการเมิงก็รวยดิ

 

ป้า : รวยxxx อ่ะดิ (จริง ๆ พูดหยาบกว่านี้ นึกเอาเองนะคะท่านผู้อ่าน)

 

เพื่อน : เอาเงินไปทำไรหมดว่ะ

 

ป้า : ค่ายาเคสต่อเนื่อง หลายเคส ไหนจะค่าอาหารที่โครงการอุปการะไว้อีก เห็นจ่ายทีนึง เกือบแสน

 

เพื่อน : จริงหรอวะ หาเงินจากไหนเป็นแสน

 

ป้า :  ไม่ถึงแสนหรอกไอบ้า ก็บริจาคช่วย ๆ กัน บางทีก็ประมูลของ บางทีก็ขายของอ่ะ

 

เพื่อน : ได้ขนาดนั้นเลยหรอ

 

ป้า : ป่าว สะสมเอาหลาย ๆ เดือน บางเดือนปิดรับเคสตั้งกะกลางเดือนก็มี แล้ว มันมีหลายบัญชี หลายกลุ่มช่วย ๆ กัน

 

เพื่อน : ไม่ติดต่อหน่วยงานรัฐมาช่วยวะ หรือมูลนิธิ รวมตัวกัน

 

ป้า : ไม่รู้ดิ แกบอกฉันเองนะ “หวังอะไรกับประเทศนี้” 555+

 

เพื่อน : เออ กรูผิดเอง

 

ป้า : 5555+

 

 

————————-

 

บทสนทนาที่สามารถเปิดเผยได้สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้

 

ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่อยากเล่า หุหุ แสดงความคิดเห็นกันได้ตามสะดวกนะคะ

 

เพราะนี่เป็นบทสนทนาระหว่างเพื่อน 2 คนคุยกัน มิได้พาดพิงถึงบุคคลใดในทางมิดีจะพาดพิงก็ถึงแต่บัญชีโครงการ หากป้าเข้าใจอะไรผิดไปรบกวนท้วงติงได้เลยค่ะจะได้ไปแก้ข่าว ^^

พ่อแม่แมวมือใหม่ รับน้องแมวเข้าบ้านต้องเตรียมตัวยังไงดี

6 ธันวาคม 2010 เวลา 23:42 น.

 อันนี้เขียนจากประสบการณ์ตัวเอง (ขี้เกียจใส่รูปประกอบ เพราะติดโลโก้ต่าง ๆ )

ลงไว้ในพันทิป กระทู้นี้http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2010/10/J9800588/J9800588.html

ความเห็นที่ 11

 

พ่อแม่แมวมือใหม่ รับน้องแมวเข้าบ้านต้องเตรียมตัวยังไงดี

 

สิ่งที่ต้องเตรียมต้อนรับแมวใหม่เข้าบ้าน

1. ตะกร้าใส่แมว 

ถ้าหาใบใหญ่ๆได้จะดีมาก เพราะน้องแมวยังไงก็ต้องโต (แมวนะไม่ใช่ตุ๊กตา) เพื่อเวลาที่เราพาแมวเดินทางไปหาหมอ จะได้ไม่ลำบาก อย่าได้คิดว่า อุ้ยแมวตัวนิดเดียวอุ้มเอาก็ได้ เพราะแมวเป็นอะไรที่ตื่นตกใจง่าย แถมปราดเปรียวว่องไว ถ้าเราอุ้มเค้า ออกนอกบ้าน ซึ่งหากน้องแมวตื่นที่ เค้าจะจิกเล็บแน่น ๆ บนไหล่เรา T^T แล้วถ้าตกใจมาก ๆ พวกกระโดดผลุงจากเราไป ต่อให้ไวแค่ไหนก็คว้าไม่ทันหรอกค่ะ ดังนั้น ใส่ตะกร้าเอาผ้าคลุมเวิร์คสุดๆ      แนะนำ ควรเป็นตะกร้าแบบมีหูหิ้ว ฝาเปิดด้านเดียวขนาดใหญ่หน่อย  เพราะถือง่าย เอาเชือกมัดซ้ำก็แน่นหนา กันแมวแหกตะกร้าเวลาตกใจได้ ที่สำคัญราคาไม่แพงด้วย มีให้เลือกหาซื้อง่าย หลายไซส์ หลายราคา ถ้าริจะเลี้ยงแมวให้เป็นหมู ควรเลือกใหญ่สุด  แต่ถ้ามีเงินหน่อยซื้อ box สำหรับใส่แมวจะดีมาก เพราะปิดมิดชิดและแข็งแรง ข้อเสียคือ ราคาเจ็บกระเป๋าตังค์โฮก      ส่วนแบบที่ไม่ค่อยอยากแนะนำเท่าไหร่เป็นตระกร้าไซ้สเล็กส่วนใหญ่มักใส่พวกกระต่าย สำหรับแมวเด็กนะได้อยู่ แต่ถ้าแมวโต รับรองได้ว่า ไมเคิล สกอร์ฟิลด์ มีเพื่อนร่วมแหกคุกแน่ๆ อย่าประมาทเจ้าวายร้ายตาใสเชียวนะ

2. ห้องน้ำแมว และทรายแมว

แมวเป็นสัตว์รักสะอาด ถ้าเราหาที่ให้เค้าอึฉี่เป็นที่เป็นทางได้ มันก็หมดปัญหาแมวฉี่ไม่เป็นที่ (ยกเว้นน้องแมวตัวผู้ฮีทแล้วสเปรย์ ประกาศอาณาเขต อันนี้ช่วยไม่ได้เน้อ)  ห้องน้ำแมวมีหลากหลายแบบ ทรายแมวก็มีหลากหลายเช่นกัน ขอยกตัวอย่างตามประเภทวัสดุดังนี้

     2.1 ทรายอนามัยสำหรับแมว พวกนี้เป็นกลุ่มโดนน้ำแล้วจับตัวเป็นก้อนทรายอนามัยสำหรับแมว  ไม่ใช่ทรายก่อสร้างนะคะ แต่เป็นทรายอนามัยที่ทำขึ้นมาเพื่อดูดซับกลิ่นของเสียต่าง ๆ ให้ดีกว่าทรายธรรมดา ทรายพวกนี้เมื่อถูกฉี่ ก็จะจับตัวเป็นก้อน แล้วเราก็ตักทิ้ง      ปกติแล้วจะเป็นพวกซิลิกอนเจล ดูดน้ำจับตัวเป็นโคลน แต่หลังๆ หลายบริษัทหันมาพัฒนาให้ทำมาจากวัสุดธรรมชาติไม่เป็นอันตรายต่อแมว เพราะแมวบางตัว ดันเอาทรายมาเคี้ยวเล่น แล้วเป็นพิษ เสียชีวิตก็มี แต่ระยะหลังเริ่มมีผู้ผลิตหลายรายหันมาใช้วัสดุจากธรรมชาติ ซึ่งปลอดภัยกว่ามาก

 

รีวิวทรายไว้อ่านเล่น กดอ่านดูนะคะ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=mamaew&month=28-02-2006&group=7&gblog=1

(ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของBlog มากค่ะที่ทำให้เราเข้าใจทรายแมวมากยิ่งขึ้น)

  

ข้อดี  ทรายแมว หาซื้อง่าย ตามร้านสะดวกซื้อก็มีขาย แมวชอบเพราะสามารถกลบได้ง่ายกว่า (กลบสนุกกว่า)  มีหลากหลายสูตร  บางสูตรเก็บกลิ่นได้ดีมาก

ข้อเสีย (ที่หลาย ๆคนพบ) เวลาโดนฉี่ตักทีแทบจะครึ่งกระบะ บางยี่ห้อตักยาก ทรายติดตรีนแมวกระจายทั่วบ้าน หรือเวลากลบอึ แมวขุดสะบัดออกนอกกระบะก็เปลืองอีก  และทรายบางตัวเป็นสิ่งสังเคราะห์มา อาจเป็นอันตรายต่อแมวได้  เวลาตักไปทิ้ง มันจะค่อนข้างฟุ้งแสบจมูก สำหรับบางรุ่นบางยี่ห้อ

   กระบะที่ใช้กับทรายแมว เป็นกระบะชั้นเดียว จะไฮโซ ซื้อห้องน้ำสำหรับแมวโดยเฉพาะ มีฝาครอบพร้อมกันกลิ่นอึออก กันทรายกระเด็นเวลาแมวคุ้ยก็ได้ มีหลากหลายแบบ ราคาค่อนข้างแพงนิดนึง แนะนำว่า หาซื้อใหญ่ ๆ ไปเลยดีกว่า เพราะยังไงแมวก็ต้องโต หรือจะไทยประดิษฐ์ DIY กันเอง ประยุกต์ใช้กันตามกำลังทรัพย์ก็ได้ไม่ว่ากัน ห้องน้ำแมวไฮโซ มีฝาครอบกันทรายกระเด็น กันกลิ่นออก จะดูน่าอึดอัดสำหรับท่านที่เลี้ยงแมวเป็นหมูไปหน่อยก็เหอะ แต่ราคาบางรุ่นทำร้ายกระเป๋าตังค์มากค่ะ ส่วนรุ่นเข้ามุม ใหญ่มาก เคยไปเห็นที่บ้านพี่คนนึง ปัจจุบันทำเป็นถ้ำให้แมวนอนเล่น เพราะแมวเข้าไปเล่นกันจนมากกว่าจะไปฉี่ – -* แพงโฮกอีกเช่นเคย       สำหรับพ่อแม่แมวที่งบน้อยเน้นประหยัด ก็หยิบฉวยเอาสิ่งใกล้ตัวมาทำ ไม่ว่าจะเป็นกะละมัง กล่อง ฯลฯ ตามลำบาก ถ้าโปรกันอีกหน่อย ก็ DIY ไทยประดิษฐ์ ให้สร้างสรรค์ ประหยัดงบได้เยอะ ใช้ดีไม่ดีก็ค่อยปรับกันไปค่ะ

 

 

2.2 ขี้เลื่อยอัดแท่ง  เป็นประเภทโดนน้ำแล้วแตกตัว ส่วนใหญ่ทำจากไม้สน สะอาดปลอดภัยเก็บกลิ่นดี แต่ต้องใช้กระบะแบบ 2 ชั้นจะดีสุด เพราะฉี่ไม่หมักหมมขี้เลื่อยจะไม่แตกตัวไวจนเกินไป มีหลากหลายยี่ห้อ กระบะแบบที่มีขายพร้อมก็มี หรือจะทำใช้เองก็ได้  กระบะสำเร็จรูปทีมีขาย ราคาเริ่มต้นที่ 250 ขึ้นไป แต่มีข้อเสียที่ กระบะเตี้ยและเล็กเกินไปสำหรับแมวยักษ์บางตัว และแมวมักโฟกัสไม่ตรงจุดหรือพูดง่าย ๆ ว่า เลยกระบะ

ข้อดี  ปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยง ไม่ฟุ้ง และกลิ่นโอเค (สำหรับเรา) เก็บกลิ่นได้ดีมาก (ถ้าไม่ขี้เกียจปล่อยให้หมักหมม) ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ใด ๆ

ข้อเสีย หาซื้อยากมาก ต้องใช้กับกระบะ 2 ชั้นถึงจะให้ผลดีที่สุด แมวไม่ค่อยชอบเพราะกลบไม่มันเท่ากับทรายอนามัย บางตัวไม่กลบเลยก็มี Y_Y  เมื่อก่อนเคยใช้ขี้เลื่อยไม้สนอัดแท่งธรรมดามาก่อน  ตอนนั้นยังไม่ได้กระบะ2ชั้น ก็เปลืองหน่อย เพราะฉี่มันนองพื้นก็ทำให้ขี้เลื่อยมันแตกตัวไวมากต้องตักบ่อยด้วย เราใช้กล่องเก็บของใบใหญ่เป็นห้องน้ำให้แมว เพราะเวลากลบอึจะไม่กระเด็นออกมาแน่ ๆแต่ต้องหาเก้าอี้ต่อให้เค้าปีนเข้าด้วยถ้าแมวยังเด็ก แต่ถ้าโตแล้วก็ไม่ต้อง ส่วนตอนนี้เปลี่ยนมาใช้ตัวนี้ทำกระบะ 2 ชั้นใช้เองแล้ว ดีมาก……

 

(รีวิวขี้เลื่อยอัดแท่งผสมคาร์บอน ที่ใช้อยู่ตอนนี้ http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2010/08/J9557045/J9557045.html  )

แต่ที่สุดแล้ว ถ้าแมวขี้ไม่กลบ ต่อให้ดีแค่ไหน มันก็เหม็นนะคะ >

 

3. ที่นอนแมว

แล้วแต่ความไฮโซ ถ้ามีกะตังค์ก็ซื้อที่นอนมาให้เลยราคา ไม่แน่ใจ 2-3 ร้อยบาท แต่ถ้าเน้นประหยัด ก็ตะกร้า เอาผ้าปูใส่หมอนให้ แต่ถ้าให้นอนด้วย ไม่ต้องห่วงค่ะ ท่าน ๆจะยึดที่นอนเราเอง – -”

 

4. ปลอกคอ

ควรมีนะคะ แสดงความเป็นเจ้าของ ถ้ามี pet tag ด้วยยิ่งดี เผื่อหายไปแล้วมีคนเจอจะได้ส่งคืนได้

 

5. อาหารแมว 

มีหลายยี่ห้อเราจะแบ่งออกเป็นเกรดธรรมดา กับเกรดพรีเมี่ยม  (เกรดเดียวกับคนกิน) เรื่องนี้อธิบายกันยาวยกยอดไว้เขียนตอนหน้าดีกว่า แมว 1 ตัวต่อเดือน ค่าอาหารต่ำสุดตกประมาณ 300 บาท ซึ่งแมวห้ามกินเค็ม เพราะเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคไต อาหารที่ให้แมวกินอยู่ตอนนี้มี 3 แบบ คือ

5.1 อาหารเม็ด แนะนำ เกรดธรรมดาก่อนนะคะ ยี่ห้อ Super cat สูตรเค็มต่ำ ยี่ห้อนี้เกรดธรรมดา แต่สูตรอาหารทำได้ดีเรื่องความเค็ม คุณภาพอาหารก็นะ พอๆกับตลาดทั่ว ๆไป (ที่ให้กินคือ แก้ขัดเวลาแม่มันกระเป๋าแบน)

ส่วนถ้าเป็นพวกพรีเมี่ยมที่พี่ๆห้องแมวหลายท่านแนะนำคือ maxima หาซื้อยากหน่อย แต่ดีมากถ้ายกกระสอบได้ก็ถูกพอ ๆ กับพวกตลาดทั่วไป ส่วน Canin นั้นดีจริงมีหลากหลายสูตรและแพงเอาเรื่องอยู่ (ก็ของเค้าดีจริงน่ะ แมวที่บ้านกินแล้วขนสวยขึ้น แต่อิแม่มันกระเป๋าฟี้บลงๆ) ส่วนอีกยี่ห้อที่ให้บรรดาเจ้านายกินอยู่ คือ Diamond แต่ก็แพงหน่อย ส่วนตัวรู้สึกว่าดีมาก สำหรับยี่ห้อที่ไม่แนะนำเลย คือ ยี่ห้อ Fถุงเหลือง ยี่ห้อ Mถุงเหลือง ยี่ห้อWถุงม่วง (หาซื้อได้ทั่วไปค่ะ)

เริ่มแรกก็เคยให้กินตามปกติด้วยยี่ห้อโฆษณาทั้งหลายเพราะเห็นว่าหาง่ายและถูกดี แต่เคราะห์หามยามซวยมาตกที่ลูกชายดิฉัน ตอนนี้ลูกชายดิฉันเป็นโรคไปแล้ว 1 โต๋ จึงต้องรีบเปลี่ยนก่อนที่จะเป็นมากกว่านี้ ส่วนท่านอื่น ๆไม่ต้องตกใจไปนะคะ ก็กินได้ค่ะ เพราะโรคไตและโรคระบบทางเดินปัสสาวะนั้นเกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ เรื่องอาหารเค็ม ยันถึงมะเร็ง  ดังนั้นอาหารการกิน เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้เกิดโรค แต่เป็นปัจจัยเดียวที่เราสามารถควบคุมและป้องกันได้ง่ายที่สุด  ตอนนี้จึงได้กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ เพราะถ้าตามแก้ แพงกว่าค่าอาหารอีก

5.2 อาหารเปียก ไม่แนะนำพวก House brand (ยี่ห้อของห้าง) เพราะส่วนใหญ่คุณภาพต่ำเปิดมาเจอแม้กระทั่งก้างปลา หัวปลา ยังไงพวกยี่ห้อดัง ๆ ก็ดีกว่าในด้านคุณภาพ ของที่บ้านกินอาหารแมวกระป๋องเปลือย เป็นยี่ห้อส่งออกค่ะ ดีมากเนื้อเป็นต่อนๆ (ไม่ใช่ปลาร้านะคะ ) ไม่เค็ม ชิมด้วยตัวเองแล้ว ขอบอกว่า จืดและคาวมากกก >< (นึกแล้วจะอ้วก)

5.3 อาหารทำเอง  ไก่ต้ม หรือ ปลาต้ม ไม่ปรุงรส  จะเสริมด้วยฝักทองต้ม, แครอทต้ม ทิ้งไว้ให้หายร้อนแล้วฉีกหรือแกะเนื้อเอาไปปั่นรวมกัน ให้แมวกิน ปลากก็แกะก้างให้ เน้นไปเลยว่าห้ามปรุงรสใด ๆ ทั้งสิ้น

5.4 ซุปไก่ แนะนำแบรนด์ซุปไก่(จริงๆ ยี่ห้อไหนก็ได้นะ แต่ติดปากไปซะแล้ว) สำหรับแมวที่ป่วยแล้วเบื่ออาหาร พิสูจน์มาหลายบ้านแล้วเทใส่ถ้วยแบ่งให้แมวกินเบื่อแค่ไหน ไม่ตายก็ลุกมากินได้

สรุป การให้อาหารควรสลับกันไปทั้ง 3 แบบ จะดีที่สุดค่ะ ไม่ควรให้อาหารเม็ดเพียงอย่างเดียว เพราะนั่นคือหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้แมวเป็นโรคเกี่ยวกับไตและทางเดินปัสสาวะ

 

ทำไมถึงเน้นอาหารพรีเมี่ยม เพราะอาหารพรีเมี่ยมจะมีคุณภาพดีกว่าอาหารทั่วไป วัตถุดิบที่ใช้เป็นเกรดเดียวกันกับที่คนกิน ไม่ใช่ผลพลอยได้จาก ….. บลา ๆๆๆ จึงช่วยลดอัตราความเสี่ยงในการเกิดโรคไต,โรคทางเดินปัสสาวะได้ ยอมเสียเงินตั้งแต่วันนี้ดีกว่า เพราะถึงวันนึงที่เค้าเป็นโรคไต วันนั้นถึงคิดได้ว่า ต่อให้เรามีเงินแค่ไหน เราก็ทำให้มันหายจากโรคพวกนี้ไม่ได้ ทุกครั้งที่ไปหาหมอ มันทรมานที่ต้องเห็นเค้าถูกเจาะให้น้ำเกลือ ถูกสวนท่อฉี่ ทรมานจากการฉี่ไม่ออก ซึ่งเราได้แต่ยืนดูแล้วร้องไห้

 

สิ่งต้องห้ามสำหรับแมว

1. ห้ามให้พาราเซตามอลแก่แมว เพราะแมวไม่สามารถขับพาราฯออกจากร่างกายได้เองเหมือนคน ถ้าให้แมวจะหน้ากลมบ็อกเหงือกซีด ฯลฯ และตายในที่สุด (จำไม่ได้ว่าเพราะอะไรนะคะ ลองกด Google ดูนะคะ)

 2. ห้ามให้กระดูกไก่แก่แมว (รวมถึงหมา) เพราะกระดูกไก่จะหักเป็นปลายแหลมทิ่มลำไส้แมว

นี่คือข้อหลัก ๆที่ควรจำไว้ค่ะ (จริงๆ มีเยอะกว่านี้แต่กลัวจะไม่อ่านกันแล้วยาวจัด)

 3. ช็อกโกแล็ต – ช็อกโกแล็ตมี Theobromine ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มจังหวะการเต้นของหัวใจ, กระตุ้นระบบสมองส่วนกลาง และเสี่ยงต่ออาการตีบหรือคอดของเส้นเลือด และแสดงออกในรูปแบบตั้งแต่อาเจียน, ท้องร่วง, กระสับกระส่าย จนถึงหัวใจทำงานผิดปกติ, หมดสติจนถึงตาย อาการเหล่านี้แสดงให้เห็นเร็วมากเพียง 4-6 ชั่วโมงหลังรับประทาน ดังนั้นควรจะปรึกษาสัตวแพทย์ทันทีที่สัตว์เลี้ยงของคุณได้รับประทานช็อกโกแล็ตลงไป

 4. แอลกอฮอล์ – แอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่สัตว์เลี้ยงของคุณควรหลีกเลี่ยง เพราะแอลกอฮอล์ปริมาณเพียงนิดเดียว ก็สามารถทำให้แมวหรือสุนัขเมาเดินโซเซชนข้าวของ หรือทำให้ตัวเองบาดเจ็บได้แล้ว นอกจากนั้นอาจทำให้มันไม่สามารถบังคับการขับถ่ายในขณะนั้นๆได้อีกด้วย สำหรับแอลกอฮอล์ในปริมาณสูง จะกดประสาทส่วนกลาง ทำให้การหายใจและหัวใจทำงานผิดปกติ และอาจร้ายแรงถึงขั้นตายได้

 5. นมวัว – ท่านอาจคิดว่านมเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขและแมวของคุณ แต่ที่จริงแล้วร่างกายของสัตว์เหล่านั้น ไม่สามารถรับแล็คโตสในปริมาณมากๆได้ จนทำให้เกิดอาการท้องร่วงนอกจากนี้สัตว์เลี้ยงมักจะขาดเอ็นไซน์ ในการย่อยน้ำตาลในนม ทำให้เกิดอาการอาเจียน, ท้องเสีย หรืออาการผิดปกติในลำไส้

(แต่เราสามารถให้กินนมแพะ หรือนมสำหรับแมวได้นะคะ แต่ควรให้ทดลองกินน้อย ๆก่อน เพราะแมวบางตัวก็แพ้นมทุกอย่างเหมือนกัน ถ้าน้องแมวกินแล้วถ่ายเหลวให้เลิกกินทันที เพราะแพ้ ถ้าถ่ายเหลวหรือท้องเสียมาก ๆ ถึงตายได้ค่ะ)

 6. แฮมหรืออาหารที่ทำจากสัตว์ชนิดอื่นที่มีรสเค็ม – อาหารเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงมาก นอกจากจะมีปริมาณไขมันสูงแล้ว ยังมีรสเค็มจนอาจเป็นสาเหตุของอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ยิ่งกว่านั้นสุนัขสายพันธ์ใหญ่ๆ หากได้รับประทานอาหารที่มีรสเค็มแล้ว มักจะดื่มน้ำมากจนเกิดอาการที่เรียกว่า bloat ซึ่งเป็นอาการ ที่เกิดจากภาวะที่มีปริมาณแก๊สในท้องมากเกินไป และจะตายในไม่กี่ชั่วโมงต่อมาหากไม่ได้รับการรักษา หรือปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง

 7. หัวหอม – หัวหอมประกอบไปด้วย allyl propyl disulfide ซึ่งเป็นสารที่สามารถทำลายเซลเม็ดเลือดแดง และส่งผลให้สัตว์เลี้ยงเกิดอาการโลหิตจาง อ่อนแอและมีปัญหาในการหายใจ ดังนั้นควรพาสัตว์เลี้ยง ไปพบสัตวแพทย์ทันทีที่มันรับประทานหัวหอมเข้าไป

 8. ชา กาแฟ เครื่องดื่มคาเฟอีน– คาเฟอีนประกอบไปด้วย methylated xanthine ซึ่งกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง และการทำงานของหัวใจ นอกจากนั้นในหลายชั่วโมงต่อมาอาจแสดงอาการกระสับกระส่าย อาเจียน ในสั่นจนถึงขั้นเสียชีวิต

 9. น้ำมันสกัดจากผลไม้ชนิดส้ม ทำให้เกิดการอาเจียน

 10. ตับ(ให้กินในปริมาณมาก) ทำให้เกิดวิตามินเอเป็นพิษ ส่งผลกับกล้ามเนื้อและกระดูก แต่ก็ให้กินในปริมาณน้อย ๆนาน ๆ ทีก็พอได้ค่ะ แต่ยังไงเสียเลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะคะ

 11. ลูกเกด และองุ่น – ทำให้ไตทำงานหนักมากขึ้น

 12. ไข่ดิบ มีสาร Avidin ที่ลดการซึมซับไบโอติน(วิตามินบีชนิดหนึ่ง)และทำให้เกิดผลเสียต่อขนและผิวหนัง.

13. ปลาดิบ ทำให้เกิดการขาดวิตามินบี Thiamine และไม่อยากอาหาร ชัก หรือในกรณีที่ซีเรียสมากอาจถึงตายได้

 

เตรียมตัวและเตรียมใจพร้อมแล้ว วันที่รับแมวเข้าบ้านควรทำอย่างไร

 

1. ก่อนพาแมวเข้าบ้าน

พาไปพบสัตว์แพทย์เพื่อทำประวัติและแนะนำตัวก่อน คุณหมอจะให้รอ 1 สัปดาห์เพื่อดูว่ามีไข้ไหม ถ้าไม่มีจึงจะเริ่มทำวัคซีนให้ ในข้อนี้ ถ้าแมวที่เรารับมามีใบประวัติมาด้วยก็เอาให้คุณหมอดู แต่ถ้าไม่มี อาจจะต้องเล่าประวัติเค้าให้หมอฟังบ้างเล็กน้อยเพื่อให้คุณหมอได้ประเมินอาการเจ้าตัวเล็กคร่าว ๆ และขอคำแนะนำจากคุณหมอ

คุณหมอจะทำอะไรบ้าง

1.1 หยอดยาถ่ายพยาธิ

1.2 อาจจะหยดยากันหมัดให้แนะนำว่าให้อาบน้ำหรือเช็ดตัวก่อน เพราะหลังหยดยาห้ามอาบน้ำ 3 วันเพื่อให้ตัวยาทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ถ้ากลัวแมวจะป่วยเลยไม่อยากอาบน้ำให้ก่อนหยดยา ก็ให้เอาผ้าชุบน้ำอุ่นบิดแห้งเช็ด ๆ ตามตัว หรือเอาทิชชู่เปียกเช็ดตรูดเด็กเช็ดตามตัวก็ได้

1.3  วัคซีน คุณหมอให้รอดู 1 สัปดาห์ว่ามีไข้ไหม ถ้าไม่มีจะเริ่มทำวัคซีนให้ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ครั้งละ 300-500 แล้วแต่ที่ฉีด ควรฉีดให้ครบทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคและไม่ต้องเสียเงินมากมายในอนาคต แมวเด็กหรือแมวไม่เคยฉีดวัคซีนจะเสียเงินเยอะหน่อยแค่ช่วยแรก พอทำวัคซีนครบก็แค่ฉีดปีละครั้ง 2 ครั้งกันพิษสุนัขบ้า

 

2. เมื่อพาเข้าบ้านแล้ว

ก่อนเปิดตะกร้าปล่อยแมวออกมา ต้องปิดห้องและประตูหน้าต่างให้ดี เพราะแมวมักตื่นที่ง่าย เค้าอาจจะโดดออกนอกบ้านแล้วหายไปหรือโดนรถชนตายก็มี

 

3. ปล่อยแมวออกมาแล้ว

ให้เค้าเดินสำรวจไปรอบๆห้อง แนะนำว่า ให้จัดวาง น้ำ อาหาร ที่นอน และห้องน้ำอยู่ใกล้ ๆกัน เพื่อให้เค้ารู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน

 

4. แมวเมื่อย้ายที่อยู่จะเกิดความเครียด

อาจจะไม่อึฉี่เป็นสัปดาห์ หรือไม่ยอมกินอะไรในช่วงแรก เราต้องปล่อยเค้าบ้างและให้เค้ารู้สึกสบายใจ แมวจะหายจากอาการพวกนี้เอง  เพราะแมวเป็นพวกติดบ้านติดถิ่นที่อยู่อาศัย

 

5. เรื่องที่อึฉี่หรือห้องน้ำแมว

ถ้าเห็นแมวเริ่มทำท่าเหมือนจะอึฉี่ให้อุ้มใส่ห้องน้ำ มันทนไม่ไหวมันก็ฉี่ใส่เอง แต่ถ้าไม่ทันเค้าอึฉี่นอกที่ ให้เอาทิชชู่ที่เช็ดฉี่ใส่ไว้ในห้องน้ำแมว พอแมวจะเข้าเค้าก็จะดม ๆ แล้วเข้าไปเอง ส่วนจุดที่เค้าไปฉี่ ให้เช็ดทำความสะอาดให้หมดกลิ่น ถ้าเป็นไปได้ตอนทำความสะอาดให้เก็บแมวเข้ากรง รอจนทำความสะอาดเสร็จพื้นแห้งค่อยปล่อยออกมากันแมวอุตริกินน้ำยาทำความสะอาด

 

6. ที่นอน

สำหรับแมวเด็ก คืนแรก ถ้าหากให้เค้านอนนอกห้อง อาจจะมีร้องแหกปาก อาจจะให้นอนด้วยกันหรือในห้องที่ปิดมิดชิดคอยดูคอยฟังว่าเค้าจะร้องไหม และที่สำคัญห้องน้ำกับน้ำสะอาดต้องมีอยู่ใกล้ๆ พอเค้าเริ่มชินอาจจะจัดให้นอนนอกห้องเราก็ได้

 

เป็นไกด์เล็ก ๆน้อย ๆ สำหรับคนรักแมวทั้งหลาย หรือคนอยากมีแมวเป็นของตัวเองแต่เริ่มไม่ถูก ลองอ่านดูนะคะ เลี้ยงแมวไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ ^^/

 

ปล. ทาสแมวหน้าตาดีทุกคน

ตระกร้าใส่แมว

ตระกร้าใส่แมว

ตุ๊กตากระดาษ

เขียนเมื่อ 2 มกราคม 2013 เวลา 21:58 น.
วันนี้คุยกับน้องที่ทำงาน เค้ากำลังตามฝันในการวาดรูปอยู่  ทำให้เรานึกขึ้นมาได้ว่า เลิกวาดรูปไป 10กว่าปีแล้วมั้ง
จำได้ว่าตอนเรียนป.1-ป.2 เราเกลียดวิชาศิลปะมากเพราะอาจารย์บังคับให้วาดรูปแอปเปิ้ลสีแดงแต่เราวาดมาเหมือนชมพู่ท้องฟ้าต้องทาสีฟ้าเอาเปลือกไข่มาบดแล้วแปะบนกระดาษไม่ชอบอ่ะมันไม่สวย โดนอาจารย์ดุว่า วาดรูปไม่เป็น ไม่มีหัวศิลปะ
แต่พอขึ้นป.3 เพื่อนชวนเล่นตุ๊กตากระดาษ เราไม่มีเพราะแม่ห้ามซื้อแต่ก็แอบซื้อแล้วเก็บไว้ที่โรงเรียนบ้างแอบในหนังสือโดนแม่จับได้แล้วถูกตี แถมโยนตุ๊กตากระดาษทิ้งด้วย  เซ็งสุดๆแต่ที่เซ็งมากกว่าคือ ซื้อตุ๊กตากระดาษมาแล้วซ้ำกับเพื่อนใครเกิดทันยุคนั้นคงนึกออกเล่นด้วยกัน ดันหยิบสลับมั่วบ้างหายบ้างแล้วชุดที่มีดันไม่ใช่แบบที่ชอบ ไม่เหมือนในสมุดระบายสี
มันเลยกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ตัดชุดจากสมุดระบายสี (ที่แอบซื้ออีกนั่นแหละ) มาเล่นแต่งบมันบานปลายไง หลังๆ เริ่มเอากระดาษสมุดวางแล้วลอกลาย(ดราฟท์)เลย ไม่เสียของเพื่อนเห็นก็ชอบ ทีนี้อยากได้สีไหน ยังไง ก็จัดไปฉันวาดให้เธอระบายกันเอาเอง
เล่นไปเล่นมากซักพัก ก็มีของเล่นใหม่ออกมาเป็นสมุดบ้าน เปิดออกมาเป็นห้องต่างๆ (แม่งเข้าใจทำหลอกเด็กมาก)ถือว่าไฮโซสุด ๆ สำหรับเด็กป. 3 ในตอนนั้น ราคาแพงไม่พอ หาซื้อยากอีกต่างหากทั้งห้องมีเพื่อนแค่สองคนที่มี เป็นที่อิจฉาริษยาของทุกคนแล้วด้วยความอิจฉาอินี่ก็ยืมเพื่อนมาดูแต่จะลอกลายก็ทำไม่ได้ เืพื่อนแม่งก็หวงสุด ๆ ให้ดูแปปเดียวเลยเอาสมุดปกอ่อน มาวาดแล้วเอามีดโกนอันละบาทแบบพับได้ กรีดกับโต๊ะเรียกว่า DIY มั่วสุดชีวิต ทั้งหมดนี่จำจากเล่มของเพื่อนที่ดูแว๊บเดียว แล้วจินตนาการเอาเอง ลองผิดลองถูกเอง แต่ก็ทำจนสำเร็จ

หุหุ ของฉันไฮโซกว่าเยอะ มีห้องรับแขก 3 ห้อง ห้องนอน 2 ห้องน้ำ อ่างอาบน้ำ แล้วก็โต๊ะน้ำชาด้วย

เพื่อนคนอื่นๆ เห็นก็ให้วาดให้บ้าง จนครูเห็นเข้าเรียกมาขอดูด้วยจากนั้น ครูก็ดักรอพบแม่ตอนเช้า แล้วบอกว่า”ลูกคุณไม่ตั้งใจเรียนนะคะ เอาแต่วาดตุ๊กตากระดาษในเวลาเรียน ไม่สนใจเวลาครูสอน เอาแต่วาดรูปการ์ตูน รบกวนคุณแม่กวดขันด้วยนะคะ”

” พระเจ้าช่วยกล้วยทอด – -* พูดอย่างกับตรูก่ออาชญากรรม “

แล้วแม่ก็ดันบ้าจี้ด้วย งานเข้าดิฉันซิคะ โดนฟาดซะระบบไปหมด ก็เลยต้องเลิกเล่นตุ๊กตากระดาษไปอีกพักนึง เพราะถ้าครูเห็นฟ้องแม่อินี่จะโดนอีกแต่ก็ไม่เลิกวาดรูปนะ เพราะติดใจการวาดไปแล้วเราซื้อสมุดฉีกเล่มเล็ก ๆ ไว้แอบวาดรูป แล้วก็เอาไปซ่อนตามมุมต่างๆในโรงเรียนถ้าใครพอจะจำได้ว่าสมัยประถม จะมีการตรวจเก๊ะ

(ลิ้นชักโต๊ะสมัยก่อนจะเปิดฝาโต๊ะแล้วเอาหนังสือใส่ได้)

เพราะเค้าห้ามเอาหนังสือทิ้งไว้ที่โรงเรียน ต้องแบกตัวเอียงกลับบ้านทุกวันฉนั้นการแอบซ่อนไว้ในลิ้นชักจึงเสี่ยงมากที่ครูจะเจอแล้วเอาไปฟ้องแม่อีก

คิดไปคิดมา มันชักเหมือนกำลังก่ออาชญากรรมจริงๆวุ้ย

พอเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ เราก็เริ่มรู้จักหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น(สมัยก่อนรู้จักแต่ ขายหัวเราะ กับ AKIRA)แล้วเรื่องที่เป็นครูในการวาดรูปของเราคือ Orange Roadเราหัดลอกลาย ตัวละครเอก อายูคาว่า มาโดกะ (สมัยเด็ก ๆเรียกมาโดก้า) นางในดวงใจของเราเริ่มจากลอกลาย กลายเป็นวาดมือ แล้วพัฒนาฝีมือมาเรื่อยๆ จนกระทั่งขึ้นป.6

ตอนเรียนป.6 ถือว่าเป็นช่วงพีคของการวาดรูปของเราอีกช่วงนึงเพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่ทุกคนเริ่มทิ้งทวนความเป็นเด็กกันพวกเด็กผู้หญิงหันกลับมาเล่นตุ๊กตากระดาษเป็นครั้งสุดท้ายเราวาดตุ๊กตากระดาษขายเป็นล่ำเป็นสัน ออกแบบตัวละคร และชุดเอง

วาดชุดคิด  แผ่น 1 บาท ตัวตุ๊กตาคิด 1 บาท แถมนางอิจฉา 1 เซท (1 ตัว +4 ชุด)

ทั้งวาดทั้งลงสีตามแต่เพื่อนจะสั่งมา เป็นช่วงที่โคตรมีความสุขที่สุดถึงขนาดเขียนลงไปในเรียงความว่า โตขึ้นจะเป็น “ดีไซเนอร์” หรือไม่ก็ “นักเขียนการ์ตูน”บรรยายลงไปเสร็จสรรพว่า ได้แรงบันดาลใจจากการวาดตุ๊กตากระดาษความฝันของเด็กคนนึงที่จะได้ทำสิ่งที่ชอบเริ่มมองหาแนวทางว่าจะเดินไปทางไหนต้องไปเรียนสายอะไรต้องจบระดับไหนคิดไปไกลถึงขั้นจะจัดแฟชั่นโชว์ยังไง …

หารู้ไม่ว่า ยิ่งฝันสูงเพ้อเจ้อเท่าไหร่ มันยิ่งทำร้ายตัวเราเท่านั้นการเขียนเรียงความในครั้งนั้น คือ จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม ในชีวิตเด็กประถมของเรา
แน่นอนว่า หลังจากที่คุณครูได้อ่านครูย่อมเป็นห่วงอนาคตเรา และต้องบอกผู้ปกครอง ซึ่งก็คือแม่
เราจำได้แม่นว่า วันนั้น ฟ้าครึ้มๆ เรากลับบ้านอย่างร่าเริงกับออเดอร์ใหม่ของเพื่อนแต่อยู่ดี ๆ แม่ก็เปิดกระเป๋าเราแล้วค้นๆๆๆ หยิบสมุดทุกเล่มมาเปิดดูแล้วก็เจอตุ๊กตากระดาษที่เราวาดและลงสียังไม่เสร็จดีคงไม่ต้องบอกว่าจะต้องเจออะไรบ้าง
เราก้มหน้ายอมรับชะตากรรมเงียบๆ ให้แม่ตี+ด่า จนเหนื่อยแม่ก็เอาสมุดตุ๊กตากระดาษมาฉีก แล้วโยนทิ้งไว้ที่ถังขยะหน้าบ้านก่อนหันมาบอกเราว่า
“ห้ามไปเก็บนะ ถ้ารู้ว่าเก็บจะตีให้ยิ่งกว่านี้”
เราได้แต่ยืนมองสมุดตุ๊กตากระดาษที่โดนฉีกกองอยู่บนถังขยะฝนตกลงมาปรอยๆ ทุกหยดของน้ำฝนที่สร้างรอยด่างดวงลงบนกระดาษมันเหมือนหยดน้ำตาที่อยู่ในใจเรา เป็นครั้งแรกที่เราได้เรียนรู้ว่า
ร้องไห้น้ำตาท่วมใจมันเป็นยังไง
กลายเป็นจุดหักเหใ้ห้ชีวิตเลิกฝันไปเลยเวลาเขียนเรียงความ “โตขึ้่นหนูอยากเป็นอะไร”เราก็ตอแหลเฟคแม่งสุด ๆ เอาใจพ่อแม่ เอาใจครูแม่อยากให้เป็นอะไรเราก็ทำเราเลิกฝันถึงสิ่งที่เราอยากเป็นเพราะมันไ่ม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปต้านทานคนออกค่าเทอม
เรายังแอบวาดรูปต่อไปอีกหลายปี พัฒนาฝีมือไปเรื่อย พร้อมกับโดนด่าอยู่ตลอดจนจบปวส. เริ่มทำงาน ไม่มีเวลา ย้ายบ้านสมุดรวมเล่มวาดรูปหายเหลืองานเก่า ๆ ไม่กี่ชิ้นที่ยังพอเก็บไว้เมื่อไม่กี่วันนี้หยิงออกมานั่งดูให้คิดถึงวันเก่าๆความสนุกในการจับดินสอ กลิ่นยางลบขี้ยางลบปนเศษกระดาศ เวลานั่งลบจนกระดาษเปื่อยมันยังชวนให้คิดถึงเสมอ…
ผู้ใหญ่หลายคนมักพูดว่า คนรุ่นใหม่อย่างพวกเธอมันจับจด ไม่มีเป้าหมายในชีวิตไม่มีจรรยาบรรณ เอาแต่ก๊อปปี้คนอื่น ไม่เป็นตัวของตัวเองเราหันกลับมามองตัวเอง มันก็จริงของเค้านะ

เพราะทุกวันนี้เราตอบตัวเองไม่ได้จริงๆ ว่าเราชอบอะไร หรืออยากเป็นอะไร …. ชีวิตเรามันว่างเปล่าไร้จุดหมายเห็นคนอื่นเค้าวิ่งตามความฝันแบกเป้เดินทาง ทำงานเก็บเงินแล้วก็ได้แต่ถามตัวเองสิ่งที่เมิงอยากจะทำ มันแค่กระแสพัดพาไป หรือเมิงอยากจะทำจริงๆวะ?คำตอบก็คือ “กรูก็ไม่รู้เหมือนกัน”

เพลง พื้นที่เล็กๆ ของ บอย ตรัย
http://youtu.be/auj2bI-TQQ8

ขอพื้นที่เล็กๆให้ยังเป็นเด็กอยู่ได้ไหม ในวันนึงเท่าไร ก็ไม่เปลี่ยนไปได้หรือเปล่า ให้ความสดใส ยังอยู่กับเราอย่าให้ใครเขามาแย่งไป แค่เพียงอยาก ขอพื้นที่เล็กๆนี้ยังเป็นเด็กไปนานๆ ให้เรายังได้ฝัน ให้เรายังยิ้มได้ โลกแห่งความจริง มันจะดีหรือร้าย เก็บความเป็นเด็กในหัวใจ เอาไว้

รูปของคุณ bad weather
จากกระทู้นี้ค่ะ 
http://topicstock.pantip.com/woman/topicstock/2010/03/Q8989798/Q8989798.html

รูปของคุณ bad weather จากกระทู้นี้ค่ะ http://topicstock.pantip.com/woman/topicstock/2010/03/Q8989798/Q8989798.html

พันทิปกับโซเชียลเน็ทเวิร์ค และคอมเม้นต์ที่หายไป

ถ้าจะพูดถึงกลุ่มสังคมออนไลน์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศไทยทุกคนต้องนึกถึงเว็บบอร์ดพันทิป หรือกระทู้พันทิป ใน Pantip.com

เว็บบอร์ดพันทิปคือชุมชนออนไลน์ขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพที่สุดของประเทศไทยความทรงพลังของเว็บบอร์ดคุณภาพแห่งนี้สามารถสร้างกระแสและชักจูงสังคมทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างน่าตกใจยืนหยัดคู่สังคมออนไลน์ไทยมานับสิบปี

แต่…..สัจธรรมที่ว่า ‘ใดๆในโลกล้วนอนิจจัง’ คือ ความจริงของการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยแปลงเปลี่ยน

เว็บบอร์ดแห่งนี้ก็หนีไม่พ้นการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ณ วันนี้เว็บบอร์ดพันทิปแห่งนี้กำลังถูกผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆโดยสิ่งที่เรียกว่า โซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social network) หากคุณเป็นคนที่คุ้นชินกับพันทิปมานานคุณคงรู้สึกได้ ว่ามีกระทู้และสมาชิกหน้าใหม่เกิดขึ้นทุกวัน แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือคอมเม้นต์ หรือผู้ตอบที่มีคุณภาพ ล๊อกอินขาประจำที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างมีเหตุและผลการควบคุมตักเตือน ป้องปรามกันเอง

(แน่นอนว่าเราไม่ได้หมายถึงสังคมเล็กๆน่ารักแต่เราหมายถึงสังคมคนหมู่มากอย่างในเว็บบอร์ด)

สิ่งเหล่านี้ค่อยๆจางหายไปตามกระแสการเปลี่ยนแปลง จนภายหลังกระทู้ที่ดี กลับมีคอมเม้นต์น้อยจนน่าใจหาย หลายคน(รวมถึงเรา)ไม่ค่อยนั่งเฝ้าหน้าแรกหากระทู้อ่านแก้เซ็งเหมือนแต่ก่อน คนเหล่านี้ห่างไปจากเว็บบอร์ดพันทิปเข้าไปสิงอยู่ในโซเชียลเน็ตเวิร์คอื่นๆ บ้างผันตัวไปเป็นชาวทวิต บ้างหันหน้าเสพติดเฟซบุ๊ค และยังมีเว็บบอร์ดอื่นๆให้เลือกพูดคุยแต่พวกเขาไม่เคยห่างหายไปจากกระทู้พันทิป หลายคนยังหยิบยกกระทู้ แชร์ลิ้งค์ตามเข้าไปส่อง หรือหากมีกระทู้เด็ดๆก็พากันล๊อกอินเข้าไปตอบให้หายคิดถึง

พร้อมประโยคฮิต ถึงกับต้องล็อกอินเข้ามาตอบเลยทีเดียว

ซึ่งถ้าหากคุณเหลือบมองไปดูมุมล่างขวามือของเว็บบอร์ดพันทิปคุณจะได้พบปุ่มอารยธรรมยุคหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

“ปุ่มแชร์” แชร์กระทู้นี้ไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์คที่คุณใช้งานอันได้แก่ Twitter ,Google+ และFacebook

pantip bottom

ในรูปตัวอย่าง มียอดแชร์บนเฟซบุ๊ค 3,300+ หมายความว่ามีไม่ต่ำกว่าสามพันสามร้อยคนที่อ่านแล้วบอกต่อให้เพื่อนมาอ่านกระทู้ของคุณ หากเราตามไปดูตามหน้าเฟซบุ๊คที่แชร์กระทู้พันทิปไป เราจะได้พบเห็นคอมเม้นต์ทุกประเภท ตั้งแต่ เกรียนวิ่งควาย สุภาพ ดริฟท์กระจาย มีเหตุผล และการตั้งป้อมวิเคราะห์กันอย่างจริงจัง บางคอมเม้นต์ถูกจัดเป็นคอมเม้นต์ทรงคุณค่าด้วยยอดไลค์ถล่มทลายก็มี และมีการคอมเม้นต์แสดงความคิดเห็น ถกเถียงพูดคุยกันอยู่นอกเว็บบอร์ดพันทิป

พื้นที่ในพันทิปจึงไม่ใช่พื้นที่หลักในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพียงแห่งเดียวอีกต่อไป

ถ้าจะพูดให้ดูซับซ้อนต้องก็คงต้องบอกว่าถ้าโซเชียลเน็ตเวิร์คทำให้คอมเม้นต์ในพันทิปหายไป แต่โซเชียลเน็ตเวิร์คก็ทำให้เกิดคอมเม้นต์นอกพันทิปที่เกี่ยวกับพันทิปเช่นกัน (พูดทำไมให้งง)

นอกจากการกดอ่านกระทู้จากเพื่อนที่คอยแชร์มาแล้วยังเกิดปรากฏการณ์ที่ (เราคนเดียว) เรียกว่า Double Social หรือ โซเชียลทับซ้อน มันคือการสร้างพื้นที่ทับซ้อนบนโซเชียลเน็ตเวิร์คเพื่อก่อให้เกิดการกระจายข้อมูลจากเว็บบอร์ดอีกต่อหนึ่ง

การเข้าไปไล่ดูกระทู้พันทิปทุกวันนี้กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับหลายคนจะดีแค่ไหนที่มีคนอ่านแล้วคัดกระทู้เด็ดประเด็นฮอตที่ไม่ได้ขึ้นกระทู้แนะนำมาให้อ่าน คอยคัดกระทู้เดือดให้เราได้เข้าไปปูเสื่อรอกินมาม่าคอยชี้เป้าถางป่าให้เราไปขุดเผือก

แน่นอนมันต้องเป็นเรื่องที่เยี่ยมมากสำหรับชาวโซเชียลเยี่ยงเรา ทางพันทิปดอทคอมเองก็เห็นช่องทางนี้จึงได้มีการสร้างแฟนเพจของห้องที่น่าสนใจขึ้นมาเป็นออฟฟิเชียล แต่ก็ยังแรงไม่เท่าอันออฟฟิเชียลทั้งหลาย เพราะพวกเขาเลือกแชร์ เลือกคอมเม้นต์ได้โดยไม่ต้องแคร์ภาพพจน์

เราได้ลองรวบรวมแฟนเพจและแอคเคาท์ทวิตเตอร์ที่น่าสนใจไว้ หากใครยังไม่ได้ติดตามรีบกดให้ไวไม่งั้นคุณจะคุยกับเขา ไม่-รู้-เรื่อง //ทำเสียงอาต๋อย ไตรภพ

 

กลุ่ม Official Fanpage

นำทีมโดย Pantip.com : https://www.facebook.com/pantipdotcom

Twitter : @pantip1996

Instagram : @pantipdotcom << เห..ลุงพันทิปเล่นIGกับเค้าด้วยเรอะ (-_- !!)

 

pantip fangroup

 

กลุ่ม unofficial – หมวดกระทู้แซ่บ

 

 

 

 

 

กลุ่ม Unofficial – หมวดเฉพาะทาง

 

กระทู้พันทิปไม่เคยห่างหายไปจากเรา แม้จะเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสข่าวสารที่ไหลเร็วขึ้น แต่เราก็ยังเชื่อว่าในมุมหนึ่งของโลกอินเตอร์เน็ตเมล็ดพันธุ์ที่เติบโตมาจากเว็บบอร์ดพันทิปจะได้รับแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์อย่างสนุกสนานและสร้างสังคมออนไลน์ที่มีคุณภาพให้เกิดในทุกที่

ด้วยรักและคิดถึง..เพื่อนเก่าที่แสนดี @Pantip.com

ปล. เราเขียนไว้ในเว็บ มินิมอลด้วยมีรูปมุกขอยืมเค้ามาใส่ประกอบบทความ (แต่ไม่ได้ขอมาใส่ในนี้) ใครใคร่รู้เชิญกดตามไปดูจ้า https://minimore.com/b/SuFNx/2

 

วิธีใช้ คะ กับ ค่ะ ให้ถูกต้อง

คะ ค่ะ

ก่อนอื่น ผู้เขียนขอต้องออกตัวก่อนว่า ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางภาษาไทยแต่อย่างใด ทุกวันนี้ก็ยังเขียนผิดๆถูกๆอยู่เสมอ เพียงแต่ได้พบเห็นการใช้ คะ กับ ค่ะ ผิดมากขึ้นเรื่อยๆ ความจริงมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตแต่มันกลายเป็นความรำคาญเล็กๆ เหมือนมีเสี้ยนติดอยู่ในรองเท้า เพราะมันทำให้การตีความหมายที่จะสื่อสารคลาดเคลื่อนไป

หลายคนพยายามออกมาช่วยกันแก้ไข อธิบายว่า ตอนไหนคุณควรใช้คะ ตอนไหนควรใช้ค่ะ แต่สำหรับคนที่ใช้ผิดมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ สมัยผู้เขียนยังเป็นเด็กนักเรียนการผันเสียงวรรณยุกต์ถูกจัดให้อยู่ในหนังสือ “หลักภาษา” หรือ Grammar (ไวยากรณ์) ภาษาไทย ซึ่งไม่ว่าภาษาใดในโลก Grammar (ไวยากรณ์) ก็คือเรื่องยากเสมอ ตัวผู้เขียนเองกว่าจะสอบผ่านมาได้ก็แทบจะต้มตำรากินแทนข้าว ยิ่งเรียนก็ยิ่งก็รู้สึกว่า เราไม่เคยนำออกมาใช้ ทั้งที่จริงแล้วพวกเราใช้อยู่ทุกวันโดยไม่รู้ตัว หลักภาษาอยู่ในทุกที่ที่มีการสื่อสารด้วยภาษาไทยเกิดขึ้น เพียงแต่มันเป็นภาษาบ้านเกิดของเรา พวกเราจึงไม่ได้รู้สึกถึงไวยากรณ์ในประโยคสื่อสาร ต่างจากภาษาที่ 2 และ 3

ทักษะการสื่อสารประกอบด้วย ฟัง พูด อ่าน และเขียน ปัญหาการใช้ คะ กับ ค่ะ ของคนส่วนใหญ่มาจากการเขียน วิธีแก้แบบง่ายๆ ที่ผู้เขียนนำมาใช้คือ “ทักษะการพูด”

ผันเสียงเพื่อเขียน คะ ค่ะ ไม่ถูก “อ่านออกเสียงก่อนเขียน” ซิ

ออกเสียงแบบไม่ต้องดัดจริต ออกเสียงแบบไหนก็เขียนแบบนั้น

ยกตัวอย่างเช่น เสียงพื้นฐานคือ คะ

ตัวอย่างที่ 1 เวลาทักทาย
สวัสดีค่ะ — ไหนพูดซิ ไม่ต้องเขินพูดเลย เห็นมั้ยลงเสียงต่ำหนัก ก็เติมไม้เอกลงไปจะได้หนักขึ้น
แล้วลองพูดใหม่ เป็น สวัสดีคะ — เอ้าพูดดังๆ คะ = คอ อะ คะ

พอเข้าใจแล้วใช่มั้ย ว่าไม่มีใครทักทายด้วยเสียงว่า สวัสดีคะ หรอกนะ มันเป็นเสียงคล้ายการถามกันล่ะคุณ

———————

ตัวอย่างที่ 2

มาแล้วนะคะ — ลองพูดซิ มาแล้วนะคะ

มาแล้วนะค่ะ — เอ้าพูดเลย

ประโยคนี้ ถ้าเป็นมาแล้วนะค่ะ เป็นไง มันดูแปร่งๆ ดูประหลาดใช่มั้ย เสียงมันไม่ควรลงหนัก ดังนั้น ไม่ต้องใส่ไม้เอก

 

 

มั้ย เป็นเสียงภาษาพูดพัฒนามาจากคำว่า ไหม ถ้าเขียนในเอกสารที่เป็นทางการ ต้องใช้คำว่า ไหม แทน

 

ซึ่งนำมาใช้กับ นะ น่ะ หรือคำอื่นๆได้เช่นกัน ถึงจะไม่ครอบคลุมทั้งหมด แต่ถ้าเราฝึกใช้บ่อยๆ มันก็จะคล่องไปเอง

ภาษาเขียนมีพื้นฐานมาจากภาษาพูดนั่นแหละค่ะ พวกคุณแค่ออกเสียงให้ถูกแล้วยึดตามนั้น ก็ลดปัญหาการใช้คะ กับ ค่ะ หรือการผันเสียงวรรณยุกต์เพี้ยนได้แล้ว


‪#‎ยากตรงไหนคะ
‪#‎ทำไม่ได้ก็อ่านออกเสียงซิ


ปล. มือถือเดี้ยง อัดคลิปไม่ได้ค่ะ แล้วต่อให้อัดได้ ก็ขี้เกียจค่ะ

จงมีความรับผิดชอบแบบผู้ใหญ่ แต่มีไลฟ์สไตล์แบบวัยรุ่น

 

“จงมีความรับผิดชอบแบบผู้ใหญ่

แต่มีไลฟ์สไตล์แบบวัยรุ่น”

 

ถ้าทั้งหมดทั้งมวลอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ควรทำ

ไม่ผิดกฏหมาย ไม่ทำร้ายคนอื่น

นอกเหนือจากนั้น คือ “การหาความอภิรมย์ให้ชีวิต”

  • เป็นผู้ใหญ่แล้วก็อ่านการ์ตูน ดูอนิเมะได้
  • เป็นผู้ใหญ่แล้วก็บ้าโมเดลนั่งต่อกันพลาได้
  • เป็นผู้ใหญ่แล้วจะเป็นติ่งนักร้องคนไหนก็ได้
  • เป็นผู้ใหญ่แล้วจะสนุกกับชีวิตแบบไหนก็ได้
  • คนเป็นผู้ใหญ่ไม่ต้องฝืนทำตัวไม่สนุกหรอก น่าเบื่อตายชัก

โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราต่างก็มีภาระหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบ แต่อย่าให้สิ่งเหล่านั้นมาทำลายความสนุกของชีวิตเรา

สารานุกรมเซเลปในโซเชียล – อัพเดต 17 มี.ค. 2559

macbook-577758
ที่มา https://pixabay.com

อัพเดต สารานุกรม เซเลปในโซเชียล จะได้คุยกับเขารู้เรื่อง
๑. กาลกิณี = อีเจี๊ยบ เลียบด่วน
: คงไม่ต้องอธิบาย ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
.
๒. Discount man,นักหลังหัก = จ่าพิชิต ขจัดพาลชน
: ซื้อเกมไหน อุปกรณ์อะไร หลังจากนั้นจะมีโปรฯลดราคาจนอยากร้องไห้ เล่นเอาคนซื้อตาม”จุก”ไปตามๆกัน ถึงกับมีกลุ่มเฝ้าระวัง จ่า(พิชิต)ซื้อบอกด้วย
.
๓. นักลบในตำนาน = พิรัตน์ โลกาพัฒนา
: มักโพสต์ประเด็นร้อน แล้วลบหรือซ่อน ไวซะจน กดติดตามไว้ยังพลาด เหล่าแฟนคลับบ่นอุบ ตามดูไม่ทัน
.
๔. ดราม่าคิง = อรรถชัย ดาดี หรือ เสี่ยแนน
: ชิงตำแหน่งมาจากจ่ามาแบบงงๆ โพสต์หรือแชร์อะไรมา ไม่นานจะดราม่า หรือมีอันต้องปิดเพจกันเป็นแถว (ปัจจุบันมีผู้ท้าชิงตำแหน่งอยู่ประปราย)
.
๕. ขายตรง = Dexpress
นักขายในตำนานมาพร้อมวลีฮิต ‪#‎เราขายกันตรงๆ‬ หามุกขายของได้ทุกวัน ปัจจุบันอัพเกรดขายพ่วงให้เพจเพื่อนบ้าน
.
๖. บอส = กรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือ Dip
เปรียบประดุจบอสในเกม ที่ไม่ค่อยเผยตัวต้องฝ่าด่านทำตี้เข้าไปหา ปัจจุบัน ออกจากดันเจี้ยนมาพร้อมภาพลักษณ์มุ้งมิ้ง แต่ลงที่ไหนวงแตกที่นั่น อัพแพทช์ล่าสุด มีส่งหมายศาลด้วย ‪#‎รับน๊าาา‬
.
๗. อ.เจษ = Jessada Denduangboripant
ชายผู้ที่มาพร้อมรูปคาดทับด้วยกากบาทสีแดง(ลองเปิดไปดูรูปในFBอาจารย์ดู) พร้อมข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ที่ตบหน้าความเชื่อแบบไร้สติ จนมีสโลแกนมอบให้อาจารย์ว่า ” ‪#‎เหลือพื้นที่ให้ไสยศาสตร์บ้าง‬
(ขอบคุณ Saysiri Chalavit ที่แจ้งเพิ่มเติมค่ะ)
.
๘. หมอแล็บ = ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน
นักเทคนิคการแพทย์คนดัง มาพร้อมขอบตาคล้ำ (เพื่อนบางคนเรียกหมอแพนด้า) และความฮา บางครั้งอ่านจบเราก็อยากยกถุงกาวมาดม
.
คร่าวๆที่รู้ก็มีเท่านี้ ใครมีอัพเดตแจ้งด้วย
ที่จริงมีอีกหลายท่านที่อยากรวบรวมไว้ แต่เกรงว่าจะได้ต้มมาม่าแกล้มหมายศาล ‪#‎เหลือพื้นที่ให้ข้าวผัดบ้าง‬ _/l\_

อนึ่ง : ไม่ได้มีการจัดอันดับใดๆทั้งสิ้น แต่รวบรวมจากคำถามของสหายบนFacebookที่มักจะinboxมาถามว่านั่นใครนี่อะไร เพื่อนบางคนไม่รู้จักกระทั่งบันทึกของตุ๊ด …. นี่แกไปอยู่ส่วนไหนของโซเชียลกัน

อสอง : มีคนดังอีกหลายท่านที่ไม่ได้กล่าวถึง ด้วยกาละเทศะและความปลอดภัยของผู้เขียน จึงขอละไว้ในฐานที่เข้าใจค่ะ #เหลือพื้นที่ให้ข้าวผัดบ้าง กินแต่มาม่าจะขาดสารอาหารเอา

อสาม : ไม่มีเซเลปจากฝั่ง Twitter เนื่องจากผู้เขียนไม่ค่อยได้ติดตาม จึงไม่กล้ารวบรวมไว้ หากมีความรู้เพิ่มขึ้นเมื่อไหร่ เราคงได้อัพเดตเพิ่ม

ฺGame Online ,Foie gras and Character….

เกมออนไลน์ขายคาแรคเตอร์ มันก็เหมือนฟรัวกราส์

  •  ฟรัวกราส์ (character)เป็นวัตถุดิบชั้นยอด แต่ถ้าหากเชฟ(Developer)ปรุงฟรัวกราส์ไม่เป็น อาหาร(Game online)มันก็ไม่อร่อย
  • อาหาร(Gameonline)ไม่อร่อยเจ้าของร้าน(Publisher)ขายไม่เป็นอีก ต่อให้บริกร(Game master or Customer service)บริการดีแทบจะเคี้ยวแล้วป้อนเข้าปากลูกค้า (User)เค้าก็ไม่กินเพราะอาหารมันไม่อร่อย ไม่ใช่เพราะบริกรมันห่วยแตกหรอกนะ

ต่างกับ

  • วัตถุดิบธรรมดา (Normal Cahracter) ถ้าแม่ครัว(Developer) มีฝีมือ ปรุงวัตถุดิบธรรมดา ๆ ให้อร่อยได้
  • ต่อให้เจ้าของร้าน(Publisher)ไม่ได้โปรโมตร้าน ร้านมันก็ดังเพราะมันอร่อย
  • ต่อให้ไม่มีเด็กเสริฟ(Game master or Customer)ยกไปเสริฟที่โต๊ะ ลูกค้า(User)ก็แห่มาซื้อกินเพราะมันอร่อยเพราะเค้ากินที่มันอร่อย ไม่ได้กินเพราะเด็กเสริฟสวย

เขียนเมื่อ 19 กันยายน 2010 เวลา 2:28 น.